ส่องช่องลอด “ทักษิณ” คดี 112 ระวังซ้ำรอย “บอส กระทิงแดง”

หลายคนสงสัยว่า คดี “อดีตนายกฯทักษิณ” เมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว เหตุใดจึงไม่ออกหมายจับ หรือนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลทันที และงานนี้เหตุใดจึงไม่มีผลกับการ “พักโทษ” เพราะหลายฝ่ายมองว่า เมื่อโดนคดีใหม่ซ้อนขึ้นมาอีกคดี น่าจะทำให้การพักโทษสิ้นผล จนต้องส่งตัวเข้าเรือนจำ 

"กูรูด้านกฎหมายหลายวงการ"ทั้งอัยการ และศาล กล่าวว่า

1.คำสั่งของอัยการครั้งนี้ ถือว่าถึงที่สุดแล้วในชั้นก่อนฟ้อง เพราะเป็นคำสั่งของ “อัยการสูงสุด” ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้อีก 

“กูรูวงการอัยการ” บอกว่า นาฬิกายุติธรรมเริ่มเดินแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงหรือหยุดเข็มนาฬิกาได้ 

2.คดี “อดีตนายกฯทักษิณ” ยังอยู่ในอำนาจของอัยการ ไม่ใช่ศาล เพราะยังไม่ได้นำตัวไปฟ้องต่อศาล 

3.ขั้นตอนหลังจากนี้คือ ต้องนำตัวไปฟ้องที่ศาล แต่เมื่อ “ตัวความ” หรือ “ผู้ต้องหา” ยังไม่มาฟังคำสั่ง เท่ากับยังไม่รู้คำสั่ง และขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งมา โดยอ้างป่วยติดโควิดอัยการจึงมีอำนาจว่าจะเลื่อนนัดให้หรือไม่ ผลคืออนุญาตให้เลื่อนในชั้นนี้ สำหรับคดี 112 อดีตนายกฯได้ประกัน หรืออยู่ระหว่างปล่อยชั่วคราว โดยอัยการอนุญาต 

4.คดีใหม่ คือ คดี 112 ไม่กระทบกับการพักโทษคดีเดิม (ที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี และขณะนี้อยู่ระหว่างการพักโทษ) โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันแบบนั้น แสดงว่าการถูกสั่งฟ้องคดีอื่น หรือตกเป็นผู้ต้องหาคดีอื่น ไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการพักโทษคดีเดิม 

5.อำนาจการขังอดีตนายกฯในคดี 112 จึงอยู่ที่ศาล ดังนั้นในวันที่ 18 มิ.ย. 67 หากอดีตนายกฯไปพบอัยการ แล้วอัยการนำตัวไปฟ้องต่อศาล และศาลให้ประกัน ก็จบ แต่ต้องเอาตัวไปฟ้องก่อน 

6.แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 18 มิ.ย. ก็อาจไม่ได้ง่ายดายตามที่คาด เพราะมีแท็กติกกฎหมายของฝ่ายผู้ต้องหาให้เล่นได้อีกหลายแง่มุม เช่น  อาจอ้างเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถไปพบอัยการได้ เพื่อเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปอีกครั้งหนึ่ง

“กูรูกฎหมาย” อธิบายว่า หาก "อดีตนายกฯ" ยื่นขอเลื่อนนัดส่งตัวไปฟ้อง ในวันที่ 18 มิ.ย.อีกครั้ง ก็สามารถยื่นได้ หากมีเหตุจำเป็น เช่น เจ็บป่วยยังไม่หายจากโรค พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ โดยพิจารณาจากเหตุเเละหลักฐานในการขอเลื่อน อาทิ หากขอเลื่อนโดยอ้างว่าป่วย ก็จะต้องมีใบรับรองเเพทย์ 

7.กรณีที่อัยการพิจารณาเเล้วไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่งคดีเป็นครั้งที่ 2 (18 มิ.ย.) ก็จะเเจ้งนายประกันหรือตัวเเทนผู้รับมอบอำนาจทราบ เพื่อนำตัวอดีตนายกฯมาฟังคำสั่งของอัยการ หรือมีหนังสือเเจ้งส่งตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน 

เเต่หากยังไม่มาอีก อัยการก็จะเเจ้งให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการนำตัว "อดีตนายกฯทักษิณ" มาฟังคำสั่งทางคดี หรือมีการใช้มาตรการขอศาลออกหมายจับต่อไป

8.ประเด็นที่หลายฝ่ายยังคาใจก็คือ อดีตนายกฯยังมีช่องทางเปลี่ยนแปลงคำสั่งของอัยการสูงสุดได้อีกหรือไม่ 

กูรูในวงการอัยการ ตอบว่า ยังมีเหลืออีกช่องทางเดียว แต่เป็นช่องลอดเล็กมาก คือ ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติม อันเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนเเปลงคำสั่ง ซึ่งการร้องขอความเป็นธรรมจะต้องเป็น “ประเด็นใหม่” ที่มีผลจะเปลี่ยนเเปลงคำสั่งเท่านั้น เเละไม่เป็นการประวิงเวลา เเต่หากไม่ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา หรือมีการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาเเล้ว ถูกสั่งยุติ เหมือนคดี “บอส รอดทุกข้อหา” ที่มีการยื่นขอความเป็นธรรมซ้ำๆ จนต้องสั่งยุติ เพราะเห็นว่าเป็นการประวิงเวลา 

ถ้าเป็นแบบนั้น เมื่อถึงวันนัด เเละอดีตนายกฯทักษิณเดินทางมาพบ ทางพนักงานอัยการคดีอาญา 8 ก็จะนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทันที 

เมื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ก็ถือว่าตัวอยู่ในอำนาจศาล ศาลก็จะออกหมายขัง โดยอดีตนายกฯทักษิณต้องยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลอาญาจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตให้ประกันหรือไม่ต่อไป

“อิสรภาพของอดีตนายกฯจึงเสมือนอยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง”