"นายกฯ" เทียบ "แลนด์บริดจ์" อ้าง "ทักษิณ" ทำสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ถูกค้าน

22 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งลงพื้นที่ในการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค. 66 ที่จ.ระนอง-ชุมพร ได้ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อติดตามพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังรับทราบรายงานโครงการดังกล่าว ว่า 

วันนี้(22 ม.ค.) เป็นครั้งแรกที่ได้มาลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว และรับฟังการนำเสนอข้อมูลของ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ว่า ภาพรวมจะมีการถมทะเลออกไปเท่าไร รวมถึงช่องทางน้ำเป็นอย่างไรบ้าง จากที่รับฟังรายงานคาดว่า จะมีการตั้งตอม่อออกไป โดยอธิบายชัดเจนว่า ประชาชนสามารถประกอบอาชีพประมงได้ และได้เห็นศักยภาพตามที่คณะกรรมการโครงการแลนด์บิดจ์นำเสนอขึ้นมา

ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยอย่างไรนั้น การทำโครงการใหญ่ๆ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยรัฐบาลก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทั้งในและนอกพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีคนมายื่นหนังสือด้วย โดยรัฐบาลรับฟังข้อเป็นห่วงเป็นใหญ่ว่า ผลกระทบเป็นอย่างไร

อ้างปัญหา-ความสำเร็จ สนามบินสุวรรณภูมิ เทียบแลนด์บริดจ์ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลยังขาดการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งเริ่ม ขออย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ให้รอฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน หากจำได้ 20 ปีที่ผ่านมา เราก็มีโครงการเมกะโปรเจคใหญ่ระดับชาติ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่หนองงูเห่า ซึ่งตอนนั้นมีการถกเถียงกันนานมาก กว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่สองรองจากดอนเมือง และรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าลุยเต็มตัว จนทำเป็นสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ และสมัยนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เป็นรัฐมนตรีคมนาคม

นอกจากนี้ 20-30 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีเมกะโปรเจคใหญ่เลย ดังนั้นขอให้ดูว่าประโยชน์ที่ได้รับจากสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มาจนถึงวันนี้มีประโยชน์มหาศาล ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำคัญ ดังนั้นหากไม่มีโครงการเหล่านี้ เราจะไม่มาถึงจุดนี้ และเป็นธรรมดาที่นานๆจะมีเมกะโปรเจค ดังนั้นรัฐบาลพร้อมฟังเสียงประชาชนทุกคน ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการทำการเชื่อมต่อระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน โดยจะร่นระยะทางการขนถ่ายสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งขณะนี้เริ่มมีความหนาแน่น และเริ่มมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ฉะนั้นในเรื่องการขนถ่ายสินค้าจากมุมหนึ่งของโลกไปอีกด้าน ก็ถือว่ามีความอึดอัดพอสมควร เพราะฉะนั้นการที่เราจะสร้างโครงการเมกะโปรเจค ที่จะเชื่อมระหว่างฝั่งอันดามันไปทะเลอ่าวไทยส่งต่อไปทั่วโลก

ตนถือว่า เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งจะนำความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ อาทิ การขนถ่ายสินค้า การเป็นแรงจูงใจให้บริษัทข้ามชาติหลายบริษัทมาสร้างแหล่งผลิต ส่งออกยกตัวอย่าง เช่น รถยนต์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และถ้าหากดูรายละเอียดจริงๆ เรื่องการขนถ่ายสินค้าไปทั่วโลก 60 % ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ต้องผลักดันให้ประเทศมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ

ยันศึกษาก่อนลงมือทำ

เมื่อถามว่า จะมีการศึกษาโครงการก่อนผลักดันดำเนินการหรือไม่ นายกฯ ชี้แจงว่า ต้องศึกษาก่อน และขั้นตอนต่อไปรัฐบาลจะดูแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่การที่เราจะสนับสนุนตรงนี้ เราต้องทำควบคู่กับความเจริญทางเศรษฐกิจ จึงต้องมีการศึกษาควบคู่ไปกับการดำเนินการ และฟังความคิดเห็นของประชาชน

“เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะดำเนินการไปก่อนแล้วค่อยมาศึกษา ส่วนจะช้าจะเร็วก็อยู่ที่เสียงเรียกร้องด้วยว่า ต้องทำมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่า ต้องทำให้เป็นที่เข้าใจกับทุกฝ่าย”

ทั้งนี้ตนมองว่า ไม่มีความกังวลในเรื่องการทำความเข้าใจ อาชีพของประชาชนในโครงการดังกล่าว แต่มองว่าเป็นโอกาสมากกว่า เพราะแค่พื้นที่ไม่ใช่แค่เรือขนถ่ายสินค้าเพียงอย่างเดียว เรือสำราญก็สามารถเข้ามาเทียบจอดได้ ตนจึงเชื่อว่านี่ถือเป็นโอกาสสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะชาวระนอง แต่เป็นโอกาสของจังหวัดแถบฝั่งอันดามันทั้งหลายด้วย

ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค อาทิ สนามบินอันดามันที่อยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ต ที่จะเป็นสนามบินขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานควบคู่กันไปและรัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่า จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนและคนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคใต้ ส่วนเรื่องความมั่นคง ยืนยันว่าเราดูแลครบทุกมิติ

รับหนังสือจากตัวแทนคัดค้าน  

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ไปรับหนังสือ จากตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง ที่ได้มายื่นหนังสือต่อนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงของคนในพื้นที่ รวมถึงชะลอโครงการดังกล่าวก่อน โดยนายกฯ กล่าวกับตัวแทนกลุ่มดังกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ แต่ว่าการมีโอกาส ก็ต้องมีการให้โอกาสกับคนในพื้นที่ด้วยเหมือนกัน

ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกคน จากนั้นตัวแทนกลุ่มดังกล่าว ได้กล่าวเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จริงใจรับฟังเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ โดยนายกฯ กล่าวต่อว่า เราจะรับฟังทั้งสองทาง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็เดินทางมาพื้นที่ระนองบ่อย ฉะนั้นไม่ต้องห่วงมีความจริงใจอยู่แล้ว

20 ปี ตั้งแต่มีสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่เคยมีเมกะโปรเจคอีกเลย

ที่แขวงทางหลวงชนบทจังหวัดระนอง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปโครงการแลนด์บริดจ์ MR8 จังหวัดระนอง , โครงการแนวเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ระนอง – สตูล หลังจากนั้นได้กล่าวว่า ในปี 2545 นายทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการให้กระทรวงคมนาคม ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อก่อสร้างเสร็จ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาค ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 20 ปีผ่านไป เราไม่มีโครงการใหญ่แบบนี้อีกเลย

เมื่อพิจารณาแล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เห็นว่า การที่ประเทศไทยจะสามารถยกระดับขีดความสามารถ ในการแข่งขันของเราได้ จึงนำโปรเจคเรื่องแลนด์บริดจ์ขึ้นมา ซึ่งโครงการแลนด์บริดจ์นี้ เป็นการศึกษาจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ที่มีการศึกษาออกมาอย่างชัดเจน แต่ในหลักการของโครงการ ทางรัฐบาล จะลงทุนในส่วนของการเวนคืน ส่วนการลงทุนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนน การสร้างรางรถไฟและการก่อสร้างอื่นๆ เป็นการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสิ้น

นักลงทุนไปหลอกเขาได้หรือ

ดังนั้น ที่มีการตั้งคำถามในสิ่งที่ สนข.ศึกษาไว้ นักลงทุนต่างประเทศจะเชื่อหรือไม่ ก็บอกได้เลยว่า หากเขาไม่เชื่อเขาก็ไม่มาลงทุน นอกจากนี้ เมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ต่างประเทศก็ได้ไปประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ และพบว่ามีนักลงทุนจำนวนมากที่ให้ความสนใจ

"ส่วนที่มีคำถามจาก สส.ฝ่ายค้านว่า เราจะไปหลอกนักลงทุนหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่า นักลงทุนเราจะไปหลอกเขาได้หรือ โครงการนี้จะทำให้ GDP ของเราเพิ่มขึ้น 5-6% อีกทั้งจะมีการสร้างงานในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย ฉะนั้นตนเข้าใจว่า ฝ่ายค้านไม่ได้เห็นบรรยากาศที่เราไปเจอ จึงจินตนาการไปว่ามันเกิดไม่ได้" นายสุริยะ กล่าว

สำหรับการสร้างความเชื่อมั่น ต่อนักลงทุนที่มีการถมทะเลกว่า 12,000 ไร่นั้น ตนให้นโยบายกับสนข.ไปว่า ต้องให้ความสำคัญต่อประชาชนในพื้นที่ สิ่งใดที่รับฟังมาแล้วแก้ไขได้ต้องหาวิธีแก้ไข อะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่เข้าใจก็ต้องอธิบาย หากภาคประชาชนและนักลงทุนทั้งหลายมีความเข้าใจ ก็จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปได้

ส่วนที่ว่าทำไมถึงไม่พัฒนาต่อจากท่าเรือเดิมที่มีอยู่ เพราะการเดินเรือ ผ่านช่องแคบมะละกา ใช้เวลานานและเกิดอุบัติเหตุบ่อย ส่วนท่าเรือระนองที่คนไม่มาใช้เพราะเล็กเกินไป ดังนั้นเมื่อต้องการที่จะสร้างในสิ่งที่นักลงทุนจากทั่วโลกให้ความสนใจเราต้องสร้างพื้นที่ให้ใหญ่ ส่วนเรื่องผลกระทบต่อท่าเรือเล็กๆต่างๆ ก็จะต้องนำไปหารือกันต่อในเรื่องของการเยียวยา

"ตอนนี้ฝ่ายค้านเขาไม่เชื่อว่า คนจะมาลงทุนนั่นคือประเด็นหลัก ซึ่งกระทรวงคมนาคมกับสภาพัฒน์ ได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องการที่จะสร้าง Mega Project เพื่อจะยกขีดความสามารถในภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และโปรเจคนี้เราเห็นแล้วว่า มีการเติบโตทางด้านการสร้างงานทางด้านเศรษฐกิจที่จะเติบโตขึ้น แต่ฝ่ายค้านพยายามบอกว่า เรื่องนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะการลงทุนมันไม่คุ้ม ซึ่งนักลงทุนทั้งหมดจะต้องมีการแข่งขันการลงทุน และจะได้ผลตอบแทนที่ดีต่อภาครัฐ ซึ่งเราบอกแล้วว่า หากใครให้ผลตอบแทนต่อเราดีที่สุด เราก็จะให้คนๆนั้น" นายสุริยะ กล่าวและกล่าวต่อ

โครงการเริ่มได้ค่าเยียวยาแน่

สำหรับค่าชดเชยให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ถ้าโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นก็จะเริ่มการเยียวยาได้ ส่วนประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ก็ต้องแยกการเยียวยาออกไปอีกแบบ ซึ่งจะได้มีการหารือกันต่อไป

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ จ.ระนอง และ ชุมพร บางส่วน ผู้ซึ่งอาจได้รับผลกระทบ จากโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือ “แลนด์บริดจ์” และยังมีประเด็นจาก น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชี พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ทบทวนรายงานการศึกษา และหันมาสบตาประชาชนให้มากขึ้น เพื่อจะได้รับฟังปัญหาและเสียงสะท้อนที่แท้จริง

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ชี้แจงว่า ผลการศึกษาดังกล่าว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสมาชิกแต่ละคน สามารถแสดงความเห็นได้อย่างกว้างขวาง หากสภาฯให้ความเห็นชอบ ก็ส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรีตามลำดับ

น.ส.ศิริกัญญา อาจไม่ได้ดูข้อมูลปัจจุบัน

ส่วนความเห็นของ น.ส.ศิริกัญญา ที่ระบุว่า รายงานการศึกษาดังกล่าว ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่รัฐบาลจะดำเนินการ เช่น เรื่องการวางท่อน้ำมันนั้น อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งน.ส.ศิริกัญญา อาจไม่ได้ดูข้อมูลปัจจุบัน ไปดูผลการศึกษาในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ดังนั้น การที่ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาใหม่ ก็เพื่อต้องการความเห็นปัจจุบัน วันนี้โลกเปลี่ยนไปความต้องการของประชาชนก็เปลี่ยนไป

"รัฐบาลยินดีรับฟังทั้งความเห็นร่วมและความเห็นต่าง และ ไม่ใช่เพียงแค่ไปสบตาประชาชน แต่รัฐบาลยังเปิดหูเปิดตารับฟังความเห็นทุกความเห็นอีกด้วย" นางมนพร กล่าว พร้อมย้ำว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จ.ระนอง มาเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยเตรียมนำตัวแทนผู้เห็นต่าง เข้าพบนายกฯ เพื่อเสนอความเห็น หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.สัญจร ในวันพรุ่งนี้(23 ม.ค.)

การเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลกระทบ เชื่อมีทางออก

สำหรับทางออกของกลุ่มประมงพื้นบ้าน ที่กังวลผลกระทบต่ออาชีพ จากโครงการ "แลนด์บริดจ์" นางมนพร กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลกระทบบ้าง แต่ส่วนตัวเชื่อว่า จะมีทางออก

"แม้โครงการ "แลนด์บริดจ์" จะถูกลากมาเป็นประเด็นทางการเมือง แต่รัฐบาลก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ตอบข้อมูลทางวิชาการ และ ความต้องการของประชาชน เปิดกันให้เห็นว่า เมื่อโครงการนี้มาถึง ประชาชนสูญเสียอะไร ประชาชนจะได้อะไรและประเทศชาติได้อะไร" นางมนพร กล่าว