svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ส่อง “ห้องทำงานนายกฯ” วันเด็กปีนี้ไม่เหมือนเดิม แตกต่างอย่างไรกับปีก่อน

ไฮไลต์สำคัญของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในทุกๆปี ที่ทำเนียบรัฐบาล ตามธรรมเนียม คือการเปิดให้เด็กๆ ได้นั่ง “เก้าอี้นายกรัฐมนตรี” ซึ่งในปีนี้ยังคงเปิดให้เด็กได้สัมผัสเก้อี้ผู้นำเหมือนเช่นเคย

"เนชั่นออนไลน์" ขอพาไปชมห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ในวันเด็กแห่งชาติ ระหว่าง ปี 2566 กับ ปี 2567  ซึ่งมีการเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้มีการปรับเปลี่ยนการตกแต่งห้องและการจัดวางโต๊ะทำงานใหม่ 

ห้องทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันเด็กแห่งชาติ 2566

จากรูปภาพด้านบน เป็นห้องทำงานของอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ นายกฯลุงตู่ ของเด็กๆ ที่เปิดให้เด็กๆและเยาวชนได้เข้าชมและทดลองนั่งเก้าอี้นายกฯ ในงานวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาลประจำปี 2566  ซึ่งโต๊ะทำงานทำจากวัสดุไม้ มีป้ายชื่อและตำแหน่งวางอยู่บนโต๊ะ

ถัดมาด้านข้างเป็นโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ ที่นายกฯลุงตู่ใช้ทำงาน พร้อมกับมีโคมไฟให้แสงสว่าง 

และด้านหลังเป็นชั้นวางหนังสือ ซึ่งถูกวางประดับด้วยรูปภาพต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง รัชกาลที่ 10

 

ห้องทำงาน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันเด็กแห่งชาติ 2567

ส่วนห้องทำงานของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน วันเด็กแห่งชาติปีนี้ จำเป็นต้องนำเก้าอี้ โต๊ะทำงาน ธง และชุดอุปกรณ์การทำงาน มาจัดที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ด้วยเหตุที่ห้องทำงานชั้นบน อยู่ระหว่างซ่อมแซม

แม้จะไม่ได้ชมบรรยายกาศห้องทำงานที่แท้จริง แต่หากดูจากรูปภาพแล้ว โต๊ะทำงาน และเก้าอี้ของนายกฯ ก็น่าจะเป็นตัวเดียวกันกับ อดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนป้ายชื่อก็ต้องเปลี่ยนตามบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯเป็นธรรมดา แตกต่างกันก็ตรงการจัดวางตกแต่งด้านหลัง

 

ส่อง “ห้องทำงานนายกฯ”  วันเด็กปีนี้ไม่เหมือนเดิม แตกต่างอย่างไรกับปีก่อน การเปิดห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ให้เยาวชนไทยได้ลองนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นกระแสเก้าอี้นายกรัฐมนตรีฟีเวอร์แทบทุกปีนั้น ไม่มีการระบุแน่ชัดว่า เริ่มจากรัฐบาลสมัยใด รู้แต่ว่าเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานาน และเป็นกุศโลบายของฝ่ายบริหาร ที่ต้องการให้การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ประชาชนจับต้องเข้าใจได้ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กไทย ในการเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวสู่การเป็นนักการเมือง ช่วยบริหารประเทศในอนาคต

ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูความรู้สึกของเยาวชนไทย ที่เคยสัมผัสเก้าอี้นายกฯ หรือแม้แต่ได้เข้าไปชมบรรยากาศในห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ล้วนแต่ภาคภูมิใจ บางคนยังตั้งเป้าหมาย ขอกลับมานั่งเก้าอี้อันทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศ