svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯ จ่อประกาศ การแก้ปัญหาหนี้สิน เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมโวผลงานจากเอเปค

19 พฤศจิกายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกฯ จ่อประกาศ การแก้ปัญหาหนี้สิน เป็นวาระแห่งชาติ ต้นเดือนธ.ค. พร้อมโวผลงานหลังจากการไปประชุมเอเปค เตรียมเรียกทีมเศรษฐกิจหารือสานต่อผลการเจรจาพรุ่งนี้ ระบุ "ลมปากอย่างเดียวดึงดูดให้นักลงทุนไม่ได้" ไม่มายด์คำว่า "เซลล์แมน"

19 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ถึงประเทศไทยในช่วงเช้าวันนี้(19 พ.ย.) โดยใช้เวลาเดินทางกว่า 17 ชั่วโมง เพื่อมาร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย ณ ห้องภิรัชฮอลล์ 1 – 3 ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค และปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "The time to act is now พลิกวิกฤต ฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน" 

พบผู้นำระดับโลก คุยอะไรบ้าง

นายกฯ กล่าวถึงภารกิจ หลังเดินทางเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ เอเปค ณ ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เสร็จสิ้นว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจ ที่พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งซานฟรานซิสโก

โดยได้นั่งรับประทานอาหารข้างกับ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และได้มีการพูดคุยกัน โดยได้ยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะเป็นทางเลือก ให้บริษัทใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เข้ามาตั้งฐานผลิตที่ไทยเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งเห็นกันอยู่ว่าตอนนี้มีหลายประเทศเข้ามาร่วมลงทุนที่ไทย นอกจากนี้ยังได้ถือโอกาสเชิญ นายโจ ไบเดน เดินทางมาไทย โดยระบุว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการมากกว่า 10 ปีแล้ว จึงได้เรียนเชิญ นายโจ ไบเดน มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศก็จะประสานงานต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้พบกับ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีกับไทย  พูดคุยกันในหลายประเด็น และสัมผัสได้ว่าประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง เป็นคนที่มีพลังอบอุ่นและเป็นมิตร ตนเองยังได้แสดงความยินดี ผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มซี นัดแรก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน  

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.66 ทีมชาติไทยพ่ายให้กับทีมชาติจีน 1-2 ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง บอกว่าน่าจะฟลุ๊กมากกว่า โดยท่านก็อวยพรให้ทีมไทยชนะและผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกเช่นกัน

ส่วนการได้พบกับ นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ที่มีการหารือทวิภาคีกัน โดยพูดติดตลกว่า “ไม่ได้คุยเรื่องถุงเท้า” แต่คุยเรื่องการผลักดัน FTAอาเซียนแคนนาดา ให้ช่วยเกิดการกระตุ้นอาเซียนทำงานให้มากขึ้น และตนเองได้ขอร้องให้ดูแลเรื่องวีซ่า เพราะมีนักเรียนไทยที่ใช้เวลานานเหลือเกินในการขอวีซ่า ท่านก็รับปากจะไปดูให้

นอกจากนี้ยังได้พบกับรัฐมนตรีพาณิชย์ มาจากภาคธุรกิจเหมือนกันมองตาก็รู้ใจ และเห็นด้วยกับการผลักดันการค้าและการลงทุนกับประเทศไทย ซึ่งไทยก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ และยินดีให้ความร่วมมือ

เทสลา-แอปเปิ้ล-เวสเทิ้น ดิจิทัล จ่อมาลงทุน

ส่วนการพบกับนักธุรกิจรายใหญ่ของสหรัฐหลายราย  ที่ส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น บริษัทเทสลา ที่สนใจจะเข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์อีวีในประเทศไทย  และในสัปดาห์หน้าผู้บริหารระดับสูงก็จะบินมาประเทศไทยเพื่อมาดูสถานที่ตั้งโรงงาน ล่าสุดมีผู้เสนอขายที่ให้ตั้งโรงงานจำนวน 3 ราย พร้อมกันนี้ตนได้เชิญไปร่วม สัมผัสซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในงานยี่เป็ง ที่จังหวัดเชียงใหม่

บริษัท เอดีไอ ซึ่งบริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ สนใจมาลงทุนเรื่องพลังงานสะอาดในไทย บริษัท วอลมาร์ท จะขยายเรื่องอาหารฮาลานและผลไม้สด อาหารสด โดยขอให้มีการคมนาคมและเรื่องศุลกากร  เพื่อขนส่งสินค้าด้วยความรวดเร็ว สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น บริษัทเวสเทิ้น ดิจิทัล จะย้ายฐานจากฟิลิปปินส์มาไทย ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ และบริษัทนี้ยังรักเมืองไทย และบริษัท แอปเปิ้ล ที่จะส่งเสริมคนพัฒนาแอปพลิเคชันในไทยที่มีกว่า 3 แสนคน เพื่อต่อยอด ซึ่งจะเสนอให้ทำเทนนิ่งเซนเตอร์ พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุน โดยอาจจะทำที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งในวันที่ 28 พ.ย.นี้ จะให้หน่วยงานในพื้นที่หารือกัน

พรุ่งนี้ เรียกทีมเศรษฐกิจสานต่องานเอเปค

เมื่อถามว่า การเดินทางเยือนสหรัฐในครั้งนี้ ถือว่าพอใจและประสบความสำเร็จหรือไม่ นายเศษฐา กล่าวว่า ยังมีรายละเอียดที่ต้องดำเนินการอีกมาก โดยในวันพรุ่งนี้( 20 พ.ย.) ตนจะร่วมประชุมกับทีมงาน หลังจากเข้าร่วมประชุมแล้วใครต้องตามงานอะไร อย่างไรบ้าง ไม่ได้เป็นการพบแล้วก็พอใจสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แต่เราต้องเดินทางให้มากขึ้น ทำให้มากขึ้น จากการพบพูดคุยกับนักธุรกิจหลายราย โดยนักธุรกิจรายหนึ่งที่ทำด้านโลจิสติกส์ บอกว่าประเทศไทยเป็นที่หมายปองของหลายบริษัท ที่อยากจะย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย  

ที่เป็นประเด็นที่ตนจะต้องมาหารือกับสภาหอการค้าไทยในวันนี้(19 พ.ย.)ด้วย  ซึ่งมีนักธุรกิจจำนวนมาก โดยจะได้มีการพูดคุยกัน และจะบอกว่าประเทศเราเป็นที่หมายปอง พวกเราทุกคนต้องเปิดกว้าง ต้องเดินทางออกไปค้าขาย ขณะที่รัฐบาลเองก็พร้อมที่จะเจรจาเรื่อง FTA  ทุกหน่วยงาน รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง ก็พร้อมที่จะเปิดและแก้ไขกฎหมายหลายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยว วีซ่าฟรี เปิดสถานบริการให้นานขึ้น และกวาดล้างมิจฉาชีพต่างๆ เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่    

“ส่วนตัวไม่อยากจะบอกว่าประสบความสำเร็จ แต่พวกเราต้องทำงานอีกมาก เชื่อว่ารัฐมนตรีหลายๆ คน ได้รับฟังน่าจะรู้สึกตื่นเต้น และทุกคนน่าจะทราบว่า แต่ละคนมีหน้าที่จะต้องดำเนินการอย่างไร” 

ต้องหาวิธีการใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึง กรณีที่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ เห็นด้วยกับนโยบาย “แจกเงินดิจิตอล” 10,000 บาท แต่มีบางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในการกู้เงินมาใช้ในโครงการนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็พร้อมรับฟังความเห็นต่างๆ และขอบคุณนายธนินท์ ที่ให้การสนับสนุน ต้องไปดูว่าประเทศเราต้องการ การกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่นโยบายหลักไม่ว่าจะเป็น ลดค่าใช้จ่าย การสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลทำอยู่แล้ว จะส่งผลระยะสั้น แต่ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการย้ายถิ่นฐานการผลิตของหลายๆ บริษัทเข้ามา กว่าจะตอกเสาเข็มและส่งสินค้าออกไป ต้องใช้เวลาหลายปี โดย 9 ปีที่ผ่านมา การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 1.8% เราจึงต้องการวิธีการใหม่ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า ในส่วนของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินมาใช้ในโครงการ มองว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถเติบโตได้ ไม่ใช่ภาวะวิกฤตจนต้องกู้เงิน นายเศรษฐา กล่าวว่า พร้อมรับฟังและรับทราบ อย่างที่ตนได้บอกตลอดเวลาว่า มีอยู่ประเด็นเดียว วิกฤตหรือจำเป็นหรือไม่ ซึ่งตนถือว่าวิกฤต ถ้าเกิดบอกว่าวิกฤตแล้ว GDP ต้องติดลบ อันนั้นก็มีวิกฤต แต่ถ้ามองดูว่า 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเราขยายตัวอยู่ที่ 1.8 คู่แข่งเราไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เศรษฐกิจเขาขยายตัวโตเท่าไร ขอให้ย้อนกลับไปดูตัวเลขย้อนหลังและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างไร 

สาเหตุที่ค่าแรงขึ้นไม่ได้เพราะอะไร เพราะทุกธุรกิจเรารายได้ไม่ได้ขยายตัวขนาดนั้น รายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 300 เพิ่มเป็น 337 บาท เราก็เห็นใจผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อยว่า ไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้ เนื่องจากหลายๆ เหตุผล กว่า FTA จะเจรจาแล้วเสร็จใช้เวลา 1-2 ปี และกว่าจะตั้งโรงงานก็ใช้เวลาพอสมควร กว่าหลายๆนโยบายจะประสบความสำเร็จก็ต้องใช้เวลา ซึ่งระหว่างนี้เราจะทำอะไร ก็ฝากไว้แล้วกัน

โชว์วิสัยทัศน์ หอการค้าทั่วประเทศ

ทั้งนี้นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “The time to act is now พลิกวิกฤต ฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน” ในพิธีปิดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย ณ ห้องภิรัชฮอลล์ 1 – 3 ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคว่า วันนี้มีความยินดีหลังจากบินกลับมา และเป็นเรื่องที่ต้องมาพูดคุยกับทุกคน และสปรีชที่สำนักนายกฯเตรียมไว้ให้ยังไม่โดนใจเท่าไร เพราะการไปพบพูดคุยกับภาครัฐ ภาคเอกชนที่เอเปคในครั้งนี้ มีเรื่องดีๆที่จะต้องมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า และไม่ขอย้อนไปไกลมากถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว และวันนี้ทราบดีอยู่แล้วว่าสภาพเศรษบกิจไทยเป็นอย่างไร

เรื่องดิจิตอลวิเล็ต ที่มีทั้งผู้เห็นด้วยและผู้ไม่เห็นด้วยอย่าง เจ้าสัวธนิน ก็แสดงความคิดเห็นออกมา ซึ่งจริงๆปัจจัยหลักสั้นๆง่ายๆ คือเร่งด่วน จำเป็น วิกฤตหรือไม่ บางคนเห็นว่าไม่จำเป็นไม่เร่งด่วน แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าจำเป็นเร่งด่วน เพราะสภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต บางคนบอกว่าวิกฤต จีดีพีต้องติดลบ แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราอยู่บนโลกของการแข่งขันที่สูงมาก ถ้าหากย้อนกลับไปดูจีดีพีของประเทศคู่แข่ง อย่างมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขาเติบโต และตนเชื่อว่าเราจะไปไกลได้อีก โดยช่วง 9 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่า 2%

“พักหนี้ไปแล้ว 13 หนให้กับเกษตรกร พักแล้วพักอีกต่อไป” ซึ่งเกษตรกรเขาก็อยากภาคภูมิใจ อยากมีตลาดที่ดีขึ้นมีนวัตกรรมใหม่ทางการเกษตร เพื่อให้เกิดผลที่ดีขึ้น แต่เราเองก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาและต้องทำให้ได้ ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมาจัดการไปแล้ว พักหนี้เกษตรกร ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน รวมไปถึงการวีซ่าฟรีให้กับหลายประเทศ ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่เราดำเนินการ 

รัฐมนตรีทำงานหนักลงรายละเอียดทุกเม็ด

นายกฯ กล่าวต่อ รัฐบาลนี้ รัฐมนตรีทุกท่านทำงานหนักลงรายละเอียดทุกเม็ด เพื่อก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจดิจิทัล อะไรก็เป็นนโยบายหนึ่ง ยืนยันเวทีวันนี้ไม่ได้เป็นการโน้มน้าว พร้อมยืนยันหลังจากที่ได้ไปประชุมเอเปค ทุกประเทศอยากมาลงทุนในไทย เราแม้จะเป็นประเทศเล็กแต่ก็มีเอกราชและมีจุดยืนในการค้าขายมาตลอด 

หลังจากที่ตนเองเดินทางไปหลายประเทศ ทั้งในอาเซียนและสหรัฐอเมริกา เป็นที่ประจักษ์ว่า ประเทศไทยเป็นที่ต้องการของชาวโลก ทุกคนอยากมาลงทุนในประเทศไทย หรืออย่างน้อยก็มีประเทศไทยเป็นตัวเลือก พร้อมย้ำว่า การเดินทางไปต่างประเทศ ประเทศไทยไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่มาเพื่อค้าขาย มีมาตรการต่างๆมากมายที่จะรองรับนักลงทุน เช่นมาตรการด้านภาษี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องของ FTA ประเทศไทยมีการเจรจาเรื่องนี้น้อยมาก ยังคงล้าหลังอยู่ ดังนั้นเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่จะเดินหน้าเรื่องนี้กับนานาประเทศ

“ลมปากอย่างเดียวไม่สามารถดึงดูดให้นักลงทุน มาลงทุนได้แต่ต้องเดินทางไปพูดคุยเจรจาและทุกฝ่ายต้องช่วยกัน แม้หลายคนอาจจะมองว่า การไปประชุมเอเปคไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง แต่ตนไม่มองอย่างนั้น ประเทศไทยสามารถก้าวไปได้อีก” 

ขณะเดียวกันรัฐบาลก็สนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย แต่จะทำแบบนั้นได้ ต้องอาศัยหลายปัจจัย  รัฐบาลจึงต้องมีการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการคมนาคม ขยายสนามบินในพื้นที่เมืองรอง จึงอยากให้ภาคเอกชนเสนอว่า ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนอะไร พร้อมยืนยัน การพัฒนาเมืองรองเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้จะทำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

จ่อประกาศปัญหาหนี้สิน เป็นวาระแห่งชาติ

นายกฯ กล่าวถึงปัญหาหนี้สินด้วยว่า หนี้นอกระบบ เป็นปัญหาสำคัญที่สุด เพราะเป็นหนี้ที่กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะให้นายอำเภอ และตำรวจ เรียกลูกหนี้กับเจ้าหนี้มาเจรจากัน เพราะหนี้นอกระบบดอกเบี้ยแพงมาก จึงต้องเจรจาว่า ที่เขายังเป็นหนี้อยู่มีการชาร์จดอกเบี้ยเกินอัตราที่กำหนด ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นหนี้ที่มีอยู่ต้องยกเลิกกันไป เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้และเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ ที่ต้องทำร่วมกับกระทรวงการคลัง ฝ่ายความมั่นคง เพราะหนี้นอกระบบเป็นที่มาที่ไปของการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้น บางคนทำงานหนักเพื่อนำเงินมาใช้หนี้นอกระบบ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะประกาศในช่วงต้นเดือนหน้าในการแก้ไขปัญหา

ส่วนหนี้ในระบบก็มีอยู่มาก ก็จะประกาศแนวทางที่ชัดเจน ในการแก้ปัญหาต้นเดือนหน้าเช่นกัน เพื่อเป็นความหวังกับประชาชน

“ไม่ใช่ทำงานแล้วมาใช้แต่หนี้ เพราะหลายคนเสียโอกาสในการทำมาค้าขาย เราทุกคนมีสินค้า มีการบริการ มีแรงบันดาลใจที่ดีมาก แต่หลายคนเป็นหนี้อยู่มาก กำลังใจการทำงานแทบไม่เหลือแล้ว จึงถือเป็นวาระแห่งชาติ และดีใจที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนตระหนักดีถึงเรื่องหนี้สิน”

อีกเรื่องที่สำคัญคือ เรื่องของการเกษตร ซึ่งพี่น้องเกษตรกรได้รับการพักหนี้ไปแล้ว10กว่าหน ใน 9 ปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่เห็นแสงสว่าง นโยบายเราชัดเจนว่า ต้องเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ตนเองเดินทางไปต่างประเทศก็ไปพูดมาโดยตลอด เพราะเหตุผลหนึ่งที่เกษตรกรไม่เติบโต เพราะเราไม่ได้มีการไปเปิดการค้าระหว่างประเทศ กับหลายๆประเทศ ไม่มีการพูดคุย

“บางคนพูดบอกผมเป็นนายกๆ เป็นเซลล์แมน พูดจาในลักษณะด้อยค่า ผมไม่มายด์หรอกครับ ผมยอมรับว่า ผมเป็นเซลล์แมนครับ ผมต้องไปขายสินค้าให้คนไทย”

ประเทศไทยเปิดแล้ว พวกท่านพร้อมไหม

นายกฯ กล่าวอีกว่า ถ้าเราลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาก เงินออกนอกประเทศ 90 % อีก 10 %เราได้ค่าแรง แต่หากลงทุนไม่ท่วม ไม่แล้ง 90% อยู่ในประเทศไทย ผลิตผลโดยรวมของประเทศจะขึ้นมาก โดยในไตรมาสแรกของรัฐบาลปีหน้าจะมีเซ็กเตอร์การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเริ่มจากโครงการไม่ท่วมไม่แล้ง และจะเอาสินค้าไปขายที่ไหน ส่วนช่วงกลางไม่ต้องพูดถึง รวมถึงการเพิ่มผลิตผลของยางก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้องค์ความรู้ ภารกิจของรัฐบาลนี้มีอยู่เมาก

“รัฐบาลนี้ทุกท่าน และนักธุรกิจทุกคน เราจะเดินทางไปด้วยกันในเวทีโลก รัฐบาลนี้จะไม่กลัวการครหานินทาว่า จะเอื้อนาย ก. นาย ข. ในการทำการธุรกิจต่างประเทศ ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับโครงสร้างของประเทศในการผลักดันแก้ไข เราจะช่วยกัน แต่ผมจะไม่ทราบว่าปัญหาคืออะไร ถ้าท่านไม่เดินทางไปด้วยกัน และยินดีที่จะให้นักลงทุนเดินทางไปกับผม”

นายกฯ เปิดเผยด้วยว่า ในช่วงกลางเดือนหน้าจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนเจแปน  “พูดอย่างไม่อายว่าเราเป็นหนี้บุญคุณญี่ปุ่นอยู่เพราะตลอด 50 ปี เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศ ที่มีฐานผลิตอยู่ในไทยมากที่สุดประเทศหนึ่ง”

ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้ ก็จะไปแสดงความพร้อมของไทยและจะสนับสนุนในทุกด้านสำหรับการลงทุนในไทยของญี่ปุ่น รวมถึงการอำนวยความสะดวก เรื่องวีซ่าฟรีให้กับนักธุรกิจญี่ปุ่น และยินดีที่จะนำนักลงทุนของไทย ร่วมคณะไปกับรัฐบาล ในการเดินทางเยือนต่างประเทศเพื่อพบกับนักธุรกิจในประเทศนั้นๆ

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ประเทศไทยเปิดแล้ว พวกท่านพร้อมไหมครับ ถ้าพร้อมแล้วไปด้วยกันครับ”

logoline