12 ตุลาคม 2566 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการมอบนโยบายให้กองทัพบกว่า วันนี้(12 ต.ค.) เป็นการมาตรวจเยี่ยม และรับฟังแผนการปฏิบัติการ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ทำให้เห็นถึงความเข้มแข็งของกองทัพ และที่สำคัญคือการสนองตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งบางส่วนมีการทำล่วงหน้าไปมากแล้ว และเชื่อว่าจะทำให้นโยบายของรัฐบาลราบรื่น ซึ่งวันนี้ได้รับทราบปัญหาของกองทัพหลายอย่าง และพร้อมที่จะนำไปแก้ไขสนับสนุนให้เป็นกองทัพที่ทันสมัย และเป็นที่พึ่งของประชาชน
เมื่อถามถึงการสนองนโยบายของรัฐบาล ในการจัดสรรที่ดินของกองทัพให้เป็นที่ดินทำกินให้กับประชาชน นายสุทิน กล่าวว่า กองทัพได้พยายามไปจัดหาที่ดินทำกิน เพื่อตรวจสอบว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่ไม่ถูกใช้งาน เพื่อคัดออกมาจัดสรรให้กับประชาชน แต่พบว่า หลายพื้นที่เป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ บางพื้นที่มีประชาชนอาศัยอยู่ บางพื้นที่ยังอยู่ในข้อพิพาทกับประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของกองทัพต้องไปเคลียร์ปัญหา เมื่อคืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ อย่างพื้นที่หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่ ถือเป็นพื้นที่ตัวอย่าง กองทัพได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านยินยอมที่จะเช่า ซึ่งถือว่าจบ เพราะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกรมธนารักษ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ขณะนี้หลายค่ายทหารทั่วประเทศ ก็อยู่ในระหว่างการเจรจากับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่พิพาท เช่นเดียวกับในพื้นที่หนองวัวซอ โดยคาดการณ์ว่าในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จะสามารถส่งมอบสัญญาเช่าให้กับประชาชนได้ ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และจะกลายเป็นพื้นที่นำร่องให้กับทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นายสุทิน เปิดเผยว่า กองทัพขอความช่วยเหลือ เรื่องการของบประมาณของกองทัพในปี 2566 เพราะเกรงว่าจะบริหารงบประมาณไม่ทัน จึงอยากให้รัฐบาลและรัฐมนตรีช่วยเหลือหางบประมาณมาเติมให้ จนสามารถดำเนินงานต่อไปได้ ส่วนในปีงบประมาณถัดไป ก็จะเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองเป็นผูับริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นการพิจารณาตามเหตุและผล ตนจะทำหน้าที่ชี้แจงให้กับกองทัพ รวมถึงงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ โดยมุ่งเน้นซื้อเท่าที่จำเป็น ใช้ให้คุ้มค่า โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
ส่วนงบประมาณการช่วยเหลือด้านการบรรเทาสาธารณภัย นายสุทิน ชี้แจงว่า ในส่วนของกองทัพ ก็มีกองกิจการพลเรือน และกองบรรเทาสาธารณภัย สามารถใช้งบประมาณในส่วนดังกล่าวได้ หากไม่พอ ก็สามารถขอเพิ่มเติมจากรัฐบาลได้ เพราะงบกลางของรัฐบาลก็ตั้งมาเพื่อการนี้
เมื่อถามว่าในวันนี้มีการสะท้อนปัญหา เรื่องแผนพัฒนาศักยภาพกำลังพลของกองทัพบก ในเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อย่างรถถังหรือเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นการจัดซื้อ ที่ต่อเนื่องในทุกๆปี อาจจะสะดุดลงที่ปี 2567 นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีการพูดคุยถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ เป็นเพียงการดูภาพรวมเท่านั้น และตนก็ได้มอบหมายนโยบายให้กองทัพบก มุ่งเน้นเรื่องกำลังพล เพราะเป็นหน่วยใหญ่ หน่วยหลักที่ใช้กำลังพลจำนวนมาก ดังนั้นการคัดเลือกทหารด้วยวิธีสมัครใจกองทัพบกจึงเป็นกำลังหลัก ที่จะนำเหล่าทัพอื่นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายผ่อนปรนเรื่องทรงผม จะมีการนำมาปรับใช้สำหรับกองทัพหรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีการหารือถึงเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นต้องดำเนินการเหมือนกันทุกเรื่อง เพราะรูปแบบการทำงานก็แตกต่างกัน
เมื่อถามว่า พอใจหรือไม่กับการที่กองทัพปรับลดบทบาททางการเมืองลง นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ตนพอใจ แต่เท่าที่สัมผัส ประชาชนพอใจ เพราะตอนนี้นโยบายสำคัญคือ ต้องทำให้ทันสมัย สู้กับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ บางภารกิจที่ประชาชนตำหนิ กองทัพรู้ดีอยู่แล้ว และไม่อยากทำ จึงอยากฝากให้ท่านอดกลั้น
เมื่อถามย้ำว่า จะไม่มีการสร้างเงื่อนไข นำไปสู่ปัญหาเหมือนในอดีตใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ฝ่ายประชาชน และฝ่ายพวกเราก็ต้องทำแบบนั้น ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ต้องช่วยกันทั้งสองฝ่าย
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า เป็นการอดกลั้นทั้งสองฝ่ายใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นการร่วมมือกันไม่ให้ภารกิจไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
โดยในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวกล่าวแซวนายสุทินว่า วันนี้ทางกองทัพบกได้มอบปีกอะไรให้บ้าง นายสุทิน กล่าวว่า กองทัพบกได้มอบเข็มเกียรติยศให้
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า นั่งรถม้าแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง นายสุทิน จึงตอบอย่างอารมณ์ดีว่า รู้สึกตื่นเต้น ตอนเด็กๆเคยนั่งที่บ้าน แต่ไม่ใช่รถม้าเกียรติยศ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่ออีกว่า รู้สึกประทับใจ กับการต้อนรับของกองทัพบกหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่าประทับใจ ที่ได้รับเกียรติ จึงรู้สึกพอใจ ผู้สื่อข่าวจึงแซวต่อว่า กองทัพอากาศจะนำเครื่องบินมารับท่าน จนทำให้นายสุทินถึงกับหัวเราะ ก่อนจะเดินทางกลับ เพื่อเข้าร่วมการประชุมกับนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล