กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงรายงานที่ระบุว่า มีความสมเหตุสมผลที่จะประเมินว่า อิสราเอลมีการใช้อาวุธที่สหรัฐฯ จัดหามาในลักษณะที่เป็นการละเมิดข้อตกลง และละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เช่น การกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือน และความพยายามที่จะระงับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อฉนวนกาซา
ทั้งนี้ยังรวมถึงข้อสังเกตุที่ว่า อิสราเอลที่มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุด สำหรับบรรเทาความเสียหายของพลเรือนในการปฏิบัติการทางทหาร แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับเป็นการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนในระดับสูง รวมถึงรายงานของสหประชาชาติที่ระบุว่า ความพยายามของอิสราเอลในการบรรเทาความเสียหายของพลเรือน ยังไม่มีประสิทธิผล และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ ยังไม่ยอมสรุปอย่างชัดเจนว่า "กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ" โดยอ้างว่ายังไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วนในการประเมิน
นอกจากนี้ยังมีรายงานโต้แย้งที่ระบุว่า อิสราเอลต้องเผชิญกับความท้าทายทางทหารในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาส ซึ่งใช้โครงสร้างพื้นฐานและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ จึงยากที่จะระบุเป้าหมายที่ถูกต้องในพื้นที่สงคราม สหรัฐฯ จึงยังกำหนดให้การกระทำของอิสราเอลอยู่ในระหว่างการจับตาและพิจารณาต่อไป ดังนั้นการขนส่งอาวุธจึงสามารถดำเนินต่อไปได้
รายงานนี้ได้รับการเผยแพร่ไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เตือนว่าจะระงับการส่งมอบระเบิดและกระสุนปืนใหญ่บางส่วน หากอิสราเอลเดินหน้าโจมตีราฟาห์ ที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ซึ่งเต็มไปด้วยพลเรือนชาวปาเลสไตน์นับล้านคน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำเตือนดังกล่าว