"ชูวิทย์" ตอกย้ำสูตร "พท. - ภท." มีพรรคสองลุงทยอยมา ตามแผนงูเห่าซ้อนงูเห่า

7 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวเนชั่นทีวี กรณี พรรคเพื่อไทย ประกาศจับมือกับ พรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาล ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ เปรียบเหมือนฉากละคร ภายหลังเฉดหัวภรรยา ออกจากบ้านไปแล้ว บันไดไม่ทันแห้ง ก็นำคู่กิ๊กเข้าบ้านทันที โดยไม่เกรงอกเกรงใจ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เปรียบเป็นข้าวต้มมัดอันใหม่ เป็นคู่กิ๊กใหม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• "เพื่อไทย"กินโต๊ะกลับ-แก้เกมถูกรุมสกรัม
• แถลงการณ์ "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" ร่วมจัดตั้งรัฐบาล เปิดทาง "งูเห่า" เข้าร่วม
• "อนุทิน" ยอมรับหารือ "เพื่อไทย" แต่ยังไม่มีข้อตกลง ด้าน พท.จ่อแถลงเย็นนี้

นายชูวิทย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การจับมือกันระหว่าง พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย แตกต่างจากการจับมือกับ พรรคก้าวไกล เพราะพรรคก้าวไกล มีเสียง 140 + 150 ได้ 290 เสียง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย บวกพรรคภูมิใจไทย 140 + 70 ได้ 210 ฉะนั้น พรรคเพื่อไทย จะต้องมีพรรคอื่นเข้าร่วมอีกแน่นอน แม้จะเก็บพรรคเล็กพรรคน้อยมา ก็ยังไม่เพียงพอ ส่วนที่เคยประกาศต่อสาธารณะชนว่า ไม่มีหรอกพรรคลุง แต่เดี๋ยวก็จะทยอยมา  
 

"เอ็มโอยูขนาดเขียนยังฉีกทิ้งได้เลย อันนี้ลมปาก ใครจะเชื่อ  ดูเอาแล้วกัน อันนี้ใช้นโยบายสมัยก่อน ส่งโทรเลข พูดสั้น ความเข้าใจอาจผิดได้ มาไม่มา ไม่มา มา ดังนั้นการบอกว่า ไม่มาคือพรรคสองลุงไม่มา คือจะมา ส่วน 260 เสียง ลบ 375 ต้องใช้เสียงตั้ง 100 กว่าเสียง แล้วคุณจะเอาที่ไหนมา ถ้าคุณบอกว่า ให้พรรคก้าวไกลช่วยโหวตให้ พรรคก้าวไกลก็ไม่เอา งอนแล้ว ตอนนี้ก้าวไกลไม่ต่างกับภรรยา ที่ถูกเฉดออกจากบ้าน กำลังเล่นบทน่าสงสาร เล่นบทนางเอก เมียที่ถูกกระทำ แล้วจะมาเรียกให้ซักผ้าอีก ใครเขาจะทำให้ฟรี ไม่เอาหรอก" 

ดังนั้น พรรคก้าวไกลไม่เอา ก็ไม่มี 150 เสียง ดังนั้น พรรคเพื่อไทย 260 กว่าเสียง จะหาเสียงอีกร้อยเสียงที่ไหน  ถ้าไม่ใช่ สว. สนับสนุน และรู้อยู่แล้ว สว.เป็นอย่างไร แล้วจะมากล่าวหาตนว่า "ล้มนิดชุบชีวิตให้ใคร" 

 

นายชูวิทย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทำตัวเอง ไปล้มดีลพรรคก้าวไกล "ฉีกเอ็มโอยู" เสร็จแล้ววางแผนเป็น "ดีลลับ" อำพรางตัวไว้ นอกจาก แคนดิเดตนายกฯ ยังมีนิติกรรมอำพราง กลายเป็น "จับขั้วอำพราง" เรื่องนี้ตนรู้ทันทุกขั้นตอน ทำแบบนี้ จนคนไม่ไว้วางใจ วันที่พรรคเพื่อไทย เลิกพรรคก้าวไกล เหมือนสามีไล่เมียจากบ้านว่า ไม่มีใครเอาแล้ว ส่วนพรรคก้าวไกลรู้สึกเหมือนถูกกระทำ 

นายชูวิทย์ กล่าวว่า  การจัดตั้งรัฐบาลลำบาก เชื่อว่าเขารู้อยู่แล้วว่า จัดตั้งไม่สำเร็จ  เป็นการสมรู้ร่วมคิด รู้อยู่แล้วจัดไม่สำเร็จ สูตรคณิตศาสตร์ง่าย ๆ มี 200 กว่าเสียง เก็บเศษมาทั้งหมด รวม พรรคประชาธิปัตย์ ที่แตกทัพ ได้ 260 กว่าเสียง  จะผ่านได้อย่างไร ต้องใช้ 375 เสียงขึ้นไป 
 

เชื่อว่ามีการวางแผนแต่แรก หรือคิดอยู่ตอนนี้ด้วย คือ "แผนงูเห่าซ้อนงูเห่า" เกณฑ์งูเห่ามาก่อน และทัพหลวงมาภายหลัง ทำนองว่า กระซิบลุง เอางูเห่ามาก่อน ทำให้เห็นว่า ลุงนิ่ง ๆ ไปช่วยกระซิบว่าผ่าน แล้วตั้งนายกฯ ไปก่อน เสร็จแล้วก็มาจัดรัฐบาลภายหลัง ถึงมีการพูดตลอดเวลา ว่า "ไม่มา ไม่มา " แต่ต่อมา พรรคการเมืองสองลุง  เริ่มมีการพูดว่า ถ้าจะมาก็ต้องมาทั้งพรรค  ตอนนี้ ก็กำลังเวียนหัวกันอยู่ 

นายชูวิทย์  บอกว่า  นักการเมืองพูดอะไร ถ้าพูดซ้ายเมื่อไหร่ ไปทางขวาทันที ถ้าบอกทางขวา ไปทางซ้าย  ถ้าบอก ไม่เอา แสดงว่า เอา ถ้าบอกว่าไม่มาก็คือมา  นี่คือไฮไลท์ง่าย ๆ เลย ดังนั้นเกมการเมือง ต้องพูดให้สงบลง  ทั้งนี้  พรรคภูมิใจไทย จะเป็นตัวจัดแจงให้ดีลจบ จบไม่จบ ก็เอา "โอ๋ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ก่อน  ที่ถูก ป.ป.ช. ปมเขากระโดง เพราะฉะนั้น คิดหรือว่าจะเอางูเห่าไปได้ จึงเกิดอาการค้าง 

ฟันธง ภท. ไม่เอา "คมนาคม" แต่ขอแลกเก้าอี้ "พลังงาน" 

ในตอนท้าย นายชูวิทย์ ยังได้คาดการณ์แบบมั่นใจว่า  เมื่อสองพรรค อย่างพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล มีการตกลงตำแหน่ง รมต.กระทรวงเกรดเอ กันไว้แล้ว และมั่นใจว่า ภูมิใจไทยจะไม่เอา "กระทรวงคมนาคม" โดยยกให้ พรรคเพื่อไทย ที่จะจัดให้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส่วนพรรคภูมิใจไทย จะขอ "กระทรวงพลังงาน" เพื่อเป็นการแลกกัน