svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

"ก้าวไกล" ยัน จำเป็นต้องแก้โครงสร้างสภากลาโหม เพื่อปฏิรูปกองทัพให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ ควบคู่ปฏิรูปธุรกิจ-ที่ดินให้โปร่งใสตรวจสอบได้ มั่นใจ ยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่กระทบด้านความมั่นคง

22 กรกฎาคม 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ (จตุจักร หลักสี่) และ นายธนเดช เพ็งสุข สส.กรุงเทพฯ (ลาดพร้าว บึงกุ่ม) ร่วมพูดคุยในกิจกรรม Sol Bar Talk หัวข้อ "สส.ก้าวไกลชวนคุย ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ" 

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

โดยเป็นการพูดถึงหนึ่งในสองชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ อันประกอบด้วย ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ และชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ มีทั้งหมด 14 ชุด โดยพรรคก้าวไกลจะยื่นชุดกฎหมายอีก 12 ชุดต่อสภาฯ หลังจากนี้

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน


นายวิโรจน์ ระบุว่า สาระสำคัญของชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ คือการแก้ไข พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎร เพราะหากใช้กลไก ครม. การแก้ไขนี้จะต้องผ่านมติสภากลาโหมด้วย ซึ่งจากโครงสร้างและระเบียบในปัจจุบัน เชื่อได้ว่าสภากลาโหมจะไม่ยอมให้มีการแก้ไขเพื่อลดอำนาจตัวเอง หรือยอมให้อำนาจของกองทัพมาอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนแน่ ๆ โดยเฉพาะอำนาจที่สำคัญที่สุด คือการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

ซึ่งโครงสร้างสภากลาโหม ประกอบด้วย คณะกรรมการหลัก ๆ 7 คน มีเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มาจากรัฐบาลพลเรือน ส่วนอีก 5 คน ประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการทหารเรือ และ ปลัดกระทรวงกลาโหม จะยกมืออย่างไรก็ 5 ต่อ 2 ทำให้รัฐบาลพลเรือนไม่มีอำนาจใด ๆ ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าการทำรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีก หรือการสร้างอำนาจต่อรองของกองทัพต่อรัฐบาลพลเรือนจะไม่เกิดขึ้นอีก

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการเคลื่อนย้ายกำลังพล ที่ ผบ.เหล่าทัพ สามารถสั่งเคลื่อนกำลังพลได้โดยอิสระ ซึ่งขัดกับหลักรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ ดังนั้น สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะแก้ไข คือการทำให้การเคลื่อนย้ายกำลังพล ต้องอยู่ภายใต้คณะเสนาธิการร่วม ที่จะเป็นโครงสร้างรัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเป็นหลัก

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อการปฏิรูปกองทัพ เช่น การจัดการธุรกิจกองทัพให้โปร่งใส รวมถึงการจัดการที่ดินของกองทัพ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากที่ดินของกรมธนารักษ์กว่า 12 ล้านไร่ อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพไปกว่าครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะของกองทัพบกเกือบ 5 ล้านไร่

"หัวใจหลักของการปฏิรูปธุรกิจและที่ดินของกองทัพ ไม่ใช่การยึดคืน แต่คือการสร้างความโปร่งใส เช่น สนามกอล์ฟจำนวนมากของกองทัพ หากทำให้โปร่งใส จ่ายค่าเช่าให้กับท้องถิ่น รัฐบาล หรือกรมธนารักษ์อย่างเป็นธรรม รัฐบาลก็อาจจะยินดีให้มีการดำเนินการต่อเพราะมีความคุ้มค่ากว่า" นายวิโรจน์ 

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

นอกจากนี้ หนึ่งในการปฏิรูปธุรกิจกองทัพที่สำคัญคือการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งเดิมมีมาตราหนึ่งระบุว่าเงินนอกงบประมาณต้องส่งคืนคลัง เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอื่น หรือมีข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันมีแค่หน่วยงานเดียวที่ไม่มี พ.ร.บ. แล้วใช้ MOU ตกลงกับกระทรวงการคลัง นั่นคือกองทัพ ดังนั้น ขอเพียงทำให้เปิดเผยโปร่งใส จ่ายค่าธรรมเนียมให้รัฐอย่างเป็นธรรม จ่ายค่าเช่าให้กรมธนารักษ์อย่างสมเหตุสมผล

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การปฏิรูปกองทัพอาจเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าปักธงที่ถูกต้องแล้วค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างต่อเนื่องมันจะสำเร็จได้ หากเราแก้จุดสำคัญ คือ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ได้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่กองทัพเข้ามาแทรกแซงการเมืองได้ในที่สุด

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

“ทุกวันนี้กองทัพกลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ นิติบุคคลหมู่บ้านยังปลด รปภ. ได้ เพราะอะไร เพราะ รปภ. คือคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ถืออาวุธ กองทัพก็เช่นกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมกองทัพควรต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ก็เพราะกองทัพคืออาชีพเดียวในประเทศนี้ที่ได้รับอนุญาตให้ถืออาวุธได้” นายวิโรจน์ กล่าว

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

ด้าน นายธนเดช กล่าวถึงการแก้ไขโครงสร้างสภากลาโหมเช่นกัน โดยระบุว่า ปัจจุบันรัฐมนตรีกลาโหมไม่ได้มีอำนาจจริงๆ  มีข้อกำหนดจากสภากลาโหมที่ทำให้ฝ่ายพลเรือนไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้เลย นอกจากนั้น การแก้ไขโครงสร้างสภากลาโหม จะทำให้การแต่งตั้งนายทหารระดับสูงของกองทัพมีความเป็นธรรมมากขึ้น มีเกณฑ์การแต่งตั้งที่เป็นธรรม ใช้ระบบความสามารถ

ซึ่งในฐานะอดีตข้าราชการทหารคนหนึ่ง นี่คือหนึ่งในเรื่องที่มีปัญหามาก และภายในกองทัพเองก็มีความต้องการการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในระดับพันโทลงมา ดังจะเห็นได้ว่าหน่วยเลือกตั้งในกองทัพจำนวนไม่น้อยเลือกให้ก้าวไกลชนะ แม้จะไม่สามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยได้ แต่การแสดงออกผ่านการเลือกตั้งก็ชี้ให้เห็นแล้ว

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

นายธนเดช ยังระบุต่อไปถึงการปฏิรูปกองทัพอีกเรื่องหนึ่ง คือการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ที่พรรคก้าวไกลจะผลักดันให้ทันก่อนการเกณฑ์ทหารครั้งหน้า ซึ่งตนต้องย้ำอีกครั้ง ว่าจะไม่กระทบต่อโครงสร้างของกำลังพล ประเทศไทยจะยังมีกำลังพลเพียงพอในการป้องกันประเทศ

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน

อย่างไรก็ตาม การยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจนี้ ยังจะเปลี่ยนให้โครงสร้างทหารอาชีพสามารถเติบโตขึ้นจากพลทหารได้ มีเส้นทางอาชีพที่ก้าวหน้า ส่งเสริมคนที่ตั้งใจจะเป็นทหารให้เติบโตได้อย่างมั่นคง นี่เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลคิดมาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ประเทศมีกำลังพลเพียงพอและมีประสิทธิภาพ

"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน
"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน
"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน
"ก้าวไกล" หวังแก้โครงสร้างสภากลาโหม ลดอำนาจกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รบ.พลเรือน