
26 มิถุนายน 2566 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกประธานฯ ในวันที่ 4 ก.ค. 66 ว่า ช่วงแรกเป็นการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่างๆ ส่วนการลงมติคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน และน่าจะไม่เกินช่วงเย็น เพราะการลงมติในครั้งนี้เป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งการลงคะแนนดำเนินการได้สองแบบ คือ ปุ่มลงคะแนนและเสียบบัตรลงคะแนน ส่วนจะเลื่อนวันลงมติหรือไม่ตนเองไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการเดิม
เมื่อถามถึงทิศทาง ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายพรเพชร กล่าวว่า จะเกิดขึ้นหลังการเลือกประธานสภาฯ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
เมื่อถามย้ำถึงเสียง ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรี จะเป็นไปในทางทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ตนพูดได้เลยว่า การโหวตไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะไม่ทราบว่าใครคิดอย่างไร เพราะเขาก็มีความคิดของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ตนเชื่อมั่นก็คือ แต่ละท่านก็ต้องมีเหตุมีผล มีวุฒิภาวะ แล้วต้องตอบได้ว่าจะออกเสียงอะไร ซึ่งสามารถติดตามดูได้ เพราะการเลือกนายกฯ เป็นประเภทเดียวที่เปิดให้สมาชิกรัฐสภา ลงมติ โดยการแสดงตน เปิดเผยว่า ตนเองเลือกท่านใดหรือเห็นชอบอย่างไร
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลได้มีการประสานพูดคุยกับประธานส.ว. บ้างหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ เพราะท่านทราบดีว่า ตนต้องทำหน้าที่เป็นกลาง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีพรรคไหนมาถามตน
เมื่อถามว่า ส่วนตัวเชื่อหรือไม่ วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายพรเพชร กล่าวว่า มันไม่น่าจะมีอะไรที่ไม่เรียบร้อย เพราะเชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจ ถ้าทำในขอบเขตก็ไม่น่าเกิดอะไร แต่ถ้ามีปัญหาและโต้เถียงกันประธานที่ประชุมก็คงดูแลได้ดี
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ส.ว. จะมีการตรวจสอบคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีระหว่างโหวต นายพรเพชร กล่าวว่า ไปทำที่นั่นได้อย่างไร แต่เชื่อว่าคงเป็นการซักถามผู้สมัครว่าที่นายกรัฐมนตรีแล้วก็เชื่อว่าประธานจะดูแลให้เกิดความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า เหตุผลการเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ว.ควรยืนอยู่บนพื้นฐานอะไร นายพรเพชร กล่าวว่า ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานตามข้อปฏิบัติของรัฐธรรมนูญก่อน ส่วนพื้นฐานอื่นก็ต้องเลือกคนดีคนเก่งเป็นหลัก แต่การดีและเก่งก็ต้องมีความสามารถที่จะนำพาประเทศชาติมั่นคงตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเชื่อว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีก็ต้องมีจุดยืนหรือวิธีการทำให้ประชาชนเข้าใจว่า จะมุ่งพาไปทางไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สมาชิกรัฐสภาก็ต้องนำไปพิจารณา
ส่วนที่สังคมกดดันให้ส.ว.โหวตเลือกพรรคอันดับหนึ่งนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาของผู้ที่ใช้สิทธิ์ ที่อยากให้คนที่เขาเลือกมา ได้สมประสงค์แต่ก็ขอให้อยู่ในขอบเขต เพราะอย่างไรก็ตาม หลักการที่ตนพูดเสมอต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดคือ ส.ว. ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ต้องตอบคำถามได้และเลือกคนที่ดี มีความรู้ความสามารถ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงประเทศชาติ
นอกจากนี้ ต้องดูการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพื่อความมั่นคง ส่วนการจะแก้รัฐธรรมนูญหรืออะไร ก็ต้องว่ากันไปตามกฎเกณฑ์ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ทำก็ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยการไม่ต้องรีบเร่งด่วนอะไรมาก พร้อมขยายความว่า อยากให้สังคมและสมาชิกรัฐสภาเข้าใจในประเด็นต่างๆเพื่องานจะได้สำเร็จ
เมื่อถามถึงกรณี การเลือกประธานสภาฯ ควรจะเป็นคนที่มีพรรษาทางการเมืองมากหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเองไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะการจะเลือกประธานสภาฯแต่ละครั้ง มีเหตุผลหลักคือ พรรคการเมืองเสียงข้างมากที่เสนอ ก็มักจะให้ผู้ที่เป็นส.ส.ถึงจะเป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในบางครั้งก็ไม่เป็น ก็ต้องมีเหตุที่อธิบายได้ เพราะมองว่าตอนนี้อาจจะยังไม่ตกผลึก เพราะต้องรอเขาคุยกันต่อไป