svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เครือเนชั่น "วิเคราะห์เลือกตั้ง 66" 3 จังหวัดชายแดนใต้

เครือเนชั่น "วิเคราะห์เลือกตั้ง 66" 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ใครเป็นใคร เขตไหนสู้กันสนุก เขตไหนนอนมา ติดตามกันเลย

กองบรรณาธิการเครือเนชั่น ได้ทำการวิเคราะห์การเลือกทั่วประเทศ 400 เขต เพื่อให้คอข่าวการเมืองได้รับรู้ความเคลื่อนไหว เลือกตั้ง 2566 ทั้งในพื้นที่เขตตัวเองและนอกพื้นที่ เรียกว่าจัดให้อย่างเต็มอิ่ม โดยรายงานฉบับนี้เป็นเพียงช่วงแรกก่อนการเปิดหีบหย่อนบัตร ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายจะนำเสนอแบบลงรายละเอียดให้เห็นภาพกันแบบฟันธง

ซึ่งกองบรรณาธิการเครือเนชั่น ได้สำรวจวัดกระแสจากในพื้นที่ ทั้งสภากาแฟ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัด และประชาชน ส่งข้อมูลมาที่ศูนย์กลางเครือเนชั่น ที่มีกว่า 10 สื่อฯ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ออกมาในแต่ละภาค ว่าแต่ละพรรคได้เท่าไร แต่ละจังหวัดเป็นอย่างไร

เจาะลึกภาคใต้ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ (จชต.)

การเลือกตั้งปี 2562 ภาคใต้มี 14 จังหวัด ส.ส. เขต มีส.ส.รวม 50 คน พรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุดคือ ประชาธิปัตย์ 22 คน อันดับ 2 พลังประชารัฐ 13 คน อันดับ 3 ภูมิใจไทย 8 คน อันดับ 4 ประชาชาติ 6 คน อันดับ 5 รวมพลังประชาชาติ 1 คน

สำหรับการเลือกตั้งในปี 2566 ภาคใต้ มีจำนวน ส.ส. เขตเพิ่ม 10 เขต รวม ส.ส. 60 คน แบ่งออกเป็น 60 เขตเลือกตั้ง นับถอยหลังเลือกตั้ง ส.ส. บรรดาพรรคการเมืองเก่า ใหม่ ขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ส่งผู้สมัครพากันหาเสียงกันอย่างเข้มข้น

โดยพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ถือเป็นที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งการเลือกตั้ง ปี 62 มีเก้าอี้ ส.ส. 11 ที่นั่ง แต่ในการเลือกตั้งปี 66 ได้เพิ่มพื้นที่เขตอีก 2 เขตทำให้มีจำนวน ส.ส. เป็น 13 ที่นั่ง

กองบรรณาธิการเครือเนชั่น ได้ลงสนามเลือกตั้ง เจาะลึกรายจังหวัด พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเมินโค้งแรก สรุปผล ดังนี้

  • พรรคประชาชาติ 6 ที่นั่ง
  • พรรคประชาธิปัตย์ 4 ที่นั่ง
  • พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 ที่นั่ง
  • พรรคพลังประชารัฐ 1 ที่นั่ง

มาลงลึกในรายละเอียดเริ่มที่จังหวัดนราธิวาส 5 เขตเลือกตั้ง

“นราธิวาส” การเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2548 จนปีล่าสุด 2562 ตระกูลยาวอหะซันได้รับเลือกเข้าไปทำงานในสภาฯ มาตลอด ปี 2562 “กูเซ็ง ยาวอหะซัน” ตัดสินใจส่งลูกชายสองคน คือ  “กูเฮง ยาวอหะซัน” และ “วัชระ ยาวอหะซัน” แยกกันลงสมัครคนละพรรค โดย “วัชระ” คนพี่ลงสมัครในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ส่วน “กูเฮง” คนน้องลงสมัครในนามพรรคประชาชาติ

ปี 2566 “กูเซ็ง” เปลี่ยนหน้าไพ่อีกครั้ง เมื่อตัดสินใจสนับสนุนให้ “วัชระ” ย้ายมาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเปลี่ยนค่ายมาแล้วถึง 3 ครั้ง ส่วน “กูเฮง” ยังคงสังกัดพรรคประชาชาติ การเลือกตั้งรอบนี้จึงยังคงน่าจับตาเป็นพิเศษว่า ตระกูล“ยาวอหะซัน” โดยเฉพาะ “วัชระ” จะยังคงได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องหรือไม่

เขตเลือกตั้งที่ 1 “วัชระ ยาวอหะซัน” พรรครวมไทยสร้างชาติ รอบนี้มีเพียงหมอแว นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ จากพรรคพลังประชารัฐเท่านั้นที่พอจะเป็นคู่แข่ง จากการประเมินรอบแรก “วัชระ”   ยังนำคู่แข่งแบบ นอนมา

เขตเลือกตั้งที่ 2 เดิมเป็นพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีฐานเสียงค่อนข้างแน่นหนา แม้การเลือกตั้งปี 2562 จะเสียที่นั่งให้กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะกระแสพล.อ.ประยุทธ์ มาแรง การเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์ที่ส่ง “เมธี อรุณ” นักร้องนำจากวงลาบานูนลงสนาม หวังทวงเก้าอี้ในเขตนี้กลับมา “เมธี” มีเชือกวิเศษ คือ “สุชาดา พันธ์นรา” นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เป็นกองหนุนและควงแขนขอคะแนนชาวบ้านมานานนับปีแล้ว จึงมั่นใจว่า จะเอาชนะคู่แข่ง “อามินทร์ มะยูโซ๊ะ” จากพรรคพลังประชารัฐ น้องชาย “สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ” อดีตส.ส.ในเขตนี้ ประเมินยกแรก “เมธี” ประชาธิปัตย์ เหนือกว่าคู่แข่งค่อนข้างชัดเจน

เขตเลือกตั้งที่ 3  ต้องยกให้ “มูหามะ รอมือลี อาแซ” จากพรรคประชาชาติ ที่ออกสตาร์ทมาค่อนข้างแรง เหมือนจะเหนือกว่า “สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ” จากพรรคพลังประชารัฐ  รวมทั้ง “สุลัยมาน มะโซ๊ะ” พรรคประชาธิปัตย์ แต่จากการประเมินโค้งแรก “สัมพันธ์” พลังประชารัฐ ยังนำมีภาษีเหนือกว่าคู่แข่ง

เขตเลือกตั้งที่ 4 “กูเฮง ยาวอหะซัน” จากพรรคประชาชาติ เหนือกว่าคู่แข่งคนอื่น แต่อย่ามองข้ามม้ามืดอย่าง “อามีร ซาริคาน” รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรือเสาะ จากพรรคพลังประชารัฐ ถ้า ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่อ้อนขอคะแนนเสียงด้วยตัวเอง อาจจะพอมีโอกาสพลิกชนะได้ ประเมินรอบแรก “กูเฮง” ประชาชาติ นำค่อนข้างห่าง

เขตเลือกตั้งที่ 5 พรรคประชาชาติส่ง “กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ” ทนายคดีความมั่นคง ขวัญใจชาวบ้านในพื้นที่ โดยมีอดีตส.ส. 5 สมัย “เจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง” หวนกลับมาลงสมัครนามพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง หลังจากย้ายไปสังกัดพรรครวมพลังประชาชาติไทยของลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วสอบตกในการเลือกตั้งครั้งก่อน และเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับ “กมลศักดิ์” พรรคประชาชาติ โอกาสที่ “เจ๊ะอามิง” จะกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ในวันที่ประชาธิปัตย์เริ่มโรยราในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “กมลศักดิ์” จึงยังนำ “เจ๊ะอามิง” อย่างชัดเจนในโค้งแรก ต้องไปลุ้นในโค้งสุดท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์พลิกกลับมาครองใจชาวบ้านทันวันกาบัตรหรือไม่

ปัตตานี มี 5 เขตเลือกตั้ง

สนามเลือกตั้ง “ปัตตานี” ในวันที่ตำนานการต่อสู้ของ “หะยี สุหรง” พ่อของ “เด่น โต๊ะมีนา” เริ่มคลายความขลัง พร้อมๆกับสถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้สนามการเลือกตั้งจังหวัดปัตตานี มีช่องว่างให้แต่ละพรรคพร้อมที่จะเข้ามารุมกินโต๊ะ ทั้งจากพรรคประชาชาติ ที่กำลังมาแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคภูมิใจไทย

เขตเลือกตั้งที่ 1 ผู้สมัคร 3 คน “สนิท อาแว” จากประชาธิปัตย์ “ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู” พรรคประชาชาติ  นักวิชาการคนดังในพื้นที่ และ “คุณหมอเพชรดาว โต๊ะมีนา” ทายาทของ “เด่น โต๊ะมีนา” จากพรรคภูมิใจไทย  ล้วนมีโอกาสพอๆกัน แต่ในช่วงต้นเกม “สนิท อาแว” ที่มีสไตล์ลูกทุ่งถึงลูกถึงคน และลงพื้นที่มาโดยตลอด ออกนำแบบไม่ห่างมากนัก

เขตเลือกตั้งที่ 2 เป็นการต่อสู้กันระหว่าง “อับดุลบาซิม อาบู” จากพรรคภูมิใจไทย แชมป์เก่า กับ “มนตรี ดอเลาะ” จากพรรคประชาธิปัตย์เจ้าของพื้นที่เดิม การประเมินรอบแรกนี้ “อับดุลบาซิม” โดนควันกัญชาของพรรคจนเป๋ แม้พยายามอย่างหนักในการอธิบาย พร้อมชูแคมเปญ “พูดแล้วทำ” ก็ยังไม่สามารถกลบกระแสไม่เอากัญชาในพื้นที่ได้ ประเมินยกแรก “มนตรี” ประชาธิปัตย์นำเล็กน้อย

เขตเลือกตั้งที่ 3 “สมมุติ เบญจลักษณ์” พรรคประชาชาติที่ครองแชมป์มาตลอด โดยมีคู่แข่ง คือ “บูรฮันธ์ สะเม๊าะ” จากพรรคพลังประชารัฐ และดร.ยูนัยดี วาบา เจ้าของโรงรียนสอนศาสนา จากพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินรอบแรก “สมมุติ” พรรคประชาชาติ ยังนำโด่งและน่าจะเข้าเส้นชัยแบบจบในม้วนเดียว

เขตเลือกตั้งที่ 4  “อริญชัย  ซูสารอ” เป็นอีกคนที่มีโอกาสปักธงพรรครวมไทยสร้างชาติ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ลมปีกของ “อนุมัติ  ซูสารอ” อดีตส.ส. พรรคประชาชาติ เจ้าของพื้นที่เดิม บวกกระแสความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ลงแข่งกับ “ว่าที่ร.ต.โมฮามัดยาสรี ยูซง” จากพรรคประชาชาติ จากการประเมินในโค้งแรกนี้ “อริญชัย” ยังครองความได้เปรียบ “ว่าที่ร.ต.โมฮามัดยาสรี” อยู่เล็กน้อย 

เขตเลือกตั้งที่ 5 “อันวาร์ สาและ” อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย ที่ไม่พอใจการบริหารของคณะกรรมการบริหารพรรคในยุคนี้ และโหวตสวนมติพรรคหลายครั้ง จึงตัดสินใจย้ายมาสังกัดพรรคลุงป้อม พลังประชารัฐ โดยหวังว่า กระแสการเสนอตัวเป็นโซ่ข้อกลางของพล.อ.ประวิตร จะทำให้มีโอกาสกลับเข้าสู่สภาฯอีกครั้ง แต่ต้องถาม “สาเหะมูหามัด อัลอิดรุส” อดีตนายกเทศบาลตำบลตันหยง จากพรรคประชาชาติ ก่อนเพราะทั้งกระแสพรรค และกระแสบุคคล แรงมากในการประเมินโค้งแรก นำ “อันวาร์”

ยะลา มี 3 เขตเลือกตั้ง

เขตเลือกตั้งที่ 1 “ประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ” จากประชาธิปัตย์ ที่มีพี่ชาย “ประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ” อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 6 สมัยเป็นกองหนุน 24 ชั่วโมง มีโอกาสพลิกเอาชนะเจ้าถิ่น “อาดิลัน  อาลีอีสเฮาะ” พลังประชารัฐ แต่จะประมาทผู้สมัครจากพรรคประชาชาติ “สุไลมาน ปือแนปีแน” ไม่ได้ เพราะซุ่มเก็บคะแนนในพื้นที่เขต 1 แบบเงียบๆมานาน ประเมินยกแรก “ประสิทธิ์ชัย” ได้เปรียบคู่แข่งเล็กน้อย

เขตเลือกตั้งที่ 2 “ซูการ์โน มะทา” พรรคประชาชาติ เจ้าของพื้นที่ฐานเสียงแน่น “อิสกานดา สาแม” จากพรรคเพื่อไทย คงเจาะพื้นที่ได้ยาก “ซูการ์โน” พรรคประชาชาติ คงเดินไปนั่งเก้าอี้ส.ส.แบบชิลๆ

เขตเลือกตั้งที่ 3 “อับดุลอายี สาแม็ง” พรรคประชาชาติ ลมไม่น่าจะเปลี่ยนทิศ “ณรงค์  ดูดิง” จากพรรคประชาธิปัตย์ คงเข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์สะสมตุนไว้รอวันฟ้าเปิดเท่านั้น

สำหรับภาคใต้ จำนวนเก้าอี้ ส.ส. ทั้งหมด 60 ที่นั่ง กองบรรณาธิการเครือเนชั่น ได้วิเคราะห์ในช่วงแรกออกมาว่าแต่ละพรรคจะได้จำนวนส.ส.เท่าไร ดังนี้

     1. พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มชนะ 37 ที่นั่ง ช่วงชิง 14 ที่นั่ง

     2. พรรครวมไทยสร้างชาติ มีแนวโน้มชนะ 8 ที่นั่ง ช่วงชิง 6 ที่นั่ง

     3. พรรคภูมิใจไทย มีแนวโน้มชนะ 8 ที่นั่ง ช่วงชิง 7 ที่นั่ง

     4. พรรคประชาชาติ มีแนวโน้มชนะ 6 ที่นั่ง ช่วงชิง 4 ที่นั่ง

     5. พรรคพลังประชารัฐ มีแนวโน้มชนะ 1 ที่นั่ง ช่วงชิง 7 ที่นั่ง

     6. พรรคชาติพัฒนากล้า ช่วงชิง 2 ที่นั่ง

     7. พรรคเพื่อไทย ช่วงชิง 1 ที่นั่ง

โปรดติดตามเนชั่นวิเคราะห์ในช่วงโค้งสุดท้ายในเร็วๆ นี้