"บิ๊กตู่" ขึ้นเวทีปราศรัยกทม.ครั้งแรก ฝันอยากได้ ส.ส. 33 เขต

"เลือกตั้ง66" 7 เมษายน 2566 บรรยากาศที่ลานอัฒจรรย์ สวนเบญจกิติ มีการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม. 33 เขตของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีแกนนำของพรรคสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โดย นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นคนเปิดเวทีชูความสำเร็จ การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเสนอนโยบายของพรรคคือ 1 เขต 1 โรงพยาบาล 1 ศูนย์ผู้สูงอายุ เป็นโรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม



ต่อด้วย ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ถือเป็นการประเดิมเวทีแรกในการขึ้นปราศรัย หลังเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคลำดับที่ 4 ที่ยืนยันจะไม่มีนโยบายแจกจนเจ๊ง แต่พรรคนี้จะหารายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาทแทน พร้อมระบุที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาไม่เคยทำอะไรใหม่ ๆ ทำแต่เรื่องเดิม ๆ ไม่มีการลงทุน ทำให้โครงสร้างพื้นฐานหย่อนยาน แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีการลงทุนกว่า 3 ล้านล้านบาท ในระบบสาธารณูปโภค

ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 ของพรรค ปราศรัยว่า ตนและน้อง ๆ มาทำพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยใช้เวลาไม่กี่เดือน ยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้เป็นแค่พรรคจัดตั้งใหม่ และเป็นพรรคที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ที่สำคัญยังรวบรวมคนทุกรุ่นมาทำงาน ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นกลาง และคนเดิมที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจากสาขาต่างๆ มารวมกันทำพรรค เพื่อให้เป็นพรรคหลักของบ้านเมือง ซึ่งการทำงานต้องอาศัยความคิดใหม่ ๆ ประสบการณ์ การชี้แนะช่วยกันทำงาน ตนมั่นใจว่าผู้สมัคร 33 คนของกรุงเทพฯ จะไม่แค่สร้างกรุงเทพฯ แต่สร้างความมั่นคงสงบสุขให้ประเทศไทย และภูมิใจในความเป็นชาติไทยตลอดไป



“ทำไมมีพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะการเมืองเปลี่ยนไปเยอะ 30 ปีที่ตนอยู่การเมืองมา เห็นการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาประเทศ แต่ก็มีความขัดแย้ง ซึ่งบ้านเมืองเราไม่ได้มีพรรคการเมืองไว้สร้างความแตกแยก จึงขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 จะได้ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดิมคนเก่ากลับมาทำงาน ซึ่งเมื่อเดินไปตามถนนได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองว่า เรื่องค่าแรงลุงตู่ก็ทำแล้ว แต่พวกที่บอกจะทำก็ยังไม่ได้ทำ เป็นพวกฝึกงาน ส่วนลุงตู่เป็นมืออาชีพ ทำมาหลายปีถ้าเราจะรักใครสักคน จะเลือกคนฝึกงาน หรือคนมืออาชีพมาทำงาน” นายพีระพันธุ์ กล่าว 

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สังคมไทยเปลี่ยนไปทุกเรื่อง ในช่วง 8 ปี มีวิกฤตโควิดเกิดขึ้นหลังเลือกตั้งไม่กี่เดือน และเกิดปัญหาแบบนี้ทั่วโลก แต่ก็สามารถบริหารจัดการได้เร็วที่สุดในโลก จนต่างชาติให้การชื่นชม แต่หมดเวลาเพราะครบ 4 ปีแล้ว หลายอย่างที่ลุงตู่ ทำมาจะทำให้ดีกว่าเดิม เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถ้ามีเวลาให้ลุงตู่อยู่ต่อประเทศไทยจะเปลี่ยนไปมาก และดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน



“มีคนฝากผมมาเรื่องประเทศไทย คนไทย 70 กว่าล้าน แต่ทำไมเห็นคนเพียงหยิบมือไม่กี่คน ทำไมสร้างความปั่นป่วน ไม่รักชาติ ไม่รักสถาบันจะทำอย่างไร เค้าถามผมว่าถ้าคุณได้ดูแลชาติบ้านเมืองจะทำยังไงต่อไป ผมจึงตอบว่า แผ่นดินประเทศไทยมีไว้เพื่อคนรักชาติ แผ่นดินไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัยของประชาชน ถ้าคุณไม่ชอบ คุณไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนก็ไปอยู่ที่อื่น ประเทศไทยจะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป ถ้ารวมไทยสร้างชาติเป็นแกนนำรัฐบาล เราจะจัดการกับพวกเราชังชาติและล้มสถาบันโดยเด็ดขาด



ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปราศรัยว่า เป็นวันแรกที่มาพูดมีความสุขที่เห็นประชาชนมาจำนวนมาก มาสนับสนุนตนและปรบมือ แสดงว่าสามารถเชื่อมใจกันอยู่ พร้อมถามว่ารักแล้วรักเลยหรือไม่ ขอบคุณทุกคนที่เสียสละเวลามา ส่วนตัวชอบพูดคุยกับคน ไม่อยากอารมณ์เสียทั้งวัน ทึ่สำคัญมาเจอคน กทม. เพราะกทม.เป็นหน้าบ้าน เป็นประตูที่ทุกคนอยากมาท่องเที่ยว ถูกการันตีให้เป็นเมืองที่น่าพักผ่อน 6 ปีซ้อน จาก 1 ใน 150 เมืองทั่วโลก กทม. มีรอยยิ้มหวานทุกคน มียิ้มสยามเป็นเสน่ห์ของคนไทย ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้งกัน ไม่ต้องโมโห  ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหาร ซึ่งผู้นำต่างประเทศชื่นชมอาหารไทยแต่บอกว่าเผ็ดร้อนไปหน่อย โดยคนไทยถือว่าเป็นคนเผ็ดร้อนอยู่แล้ว ใครจะมาเหยียบย่ำทำลายไม่ได้ เหมือนกับที่เรารักประเทศไทย ทุกคนเป็นคนที่เผ็ดร้อนในการที่จะป้องกันสถาบันหลักไท่มห้ถูกทำลาย



"ลองนึกดู ฝัน ๆ หลับ ๆ แล้วตื่นขึ้นมาถ้าได้ทั้ง 33 เขตจะเป็นอย่างไร อย่าลืมคนบางคนชอบเราและไม่ชอบเรา แต่ยังมีคนที่อยู่ตรงกลาง ที่ไม่รู้จะเลือกใครต้องเอาคะแนนมาให้ได้ ข้างบ้านใครไม่ออกมาเลือกตั้งต้องไปเคาะประตูให้ออกมาเลือกตั้ง ให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิ์ร่วมกัน ผมนิสัยเสียนอนไม่หลับ ฝันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ฝันถึงคนอื่นไม่ได้ต้องฝันถึงภรรยา คิดถึงแต่ประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 



พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใกล้เทศกาลสงกรานต์แล้ว ปีนี้จะมีการจัดงานฉลองอย่างสนุกสนาน หลังว่างเว้นมา 2 ปี ซึ่งการฉลองสงกรานต์มีทุกน้ำให้อาบ ไฟไม่ดับ นั่นคือความมั่นคงด้านพลังงาน ถนนมีความสวยงาม ขอย้ำเป็นถนนของลุงที่ทำไว้ให้ ขณะเดียวกันบอกด้วยว่าปีนี้จะมีเครื่องบิน กว่า 9 หมื่นไฟลต์เข้ามาในประเทศ เพราะนักท่องเที่ยวเพิ่ม เพราะเมืองไทยมีความสุข ปากต่อปากบอกกันไป 



อย่างไรก็ตาม ระหว่างการปราศรัย พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดแซวประชาชนเป็นระยะ เพราะไม่อยากให้เบื่อ ก่อนที่จะปิดเวทีปราศรัยด้วยการให้ผู้สมัครขึ้นเวทีเพื่อถ่ายรูปร่วมกัน