"บิ๊กตู่" ย้ำ ความสัมพันธ์กับ “บิ๊กป้อม” ยังแนบแน่น แค่อยู่ต่างพรรค

“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลุยสนามเลือกตั้งอย่างเต็มตัวว่า จากนี้จะลงพื้นที่หาเสียงมากขึ้น ทุกจังหวัดคือบ้านของฉัน เพราะที่นี่คือประเทศไทย ฉันจะไปไหนก็ได้ แต่ฉันไม่มีสมบัติ ส่วนตารางหาเสียงในแต่ละพื้นที่ ทางพรรคได้จัดเตรียมไว้แล้ว ซึ่งมี 2 ตาราง ทั้งบทบาททางการเมือง และหน้าที่ในการบริหารประเทศ จะต้องวางตารางให้ชัดเจน ไม่ให้สับสนวุ่นวาย ยืนยันพร้อมไปทุกที่

ซึ่งวันนี้ได้ลงมาสู่สนามเลือกตั้งอย่างเต็มตัว บรรยากาศ ถือว่าดี เพิ่งมาครั้งแรกทุกอย่างสงบเรียบร้อยดีไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรง คนละพรรคเจอหน้ากันก็ทักทายกันดี เพราะทุกคนคือคนไทยด้วยกัน

ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเอง ก็รู้จักหลายคนที่เป็นแกนนำนักการเมือง วันนี้แม้หลายพรรคจะเปลี่ยนแปลงไปตามกลยุทธของพรรคการเมือง แต่ความผูกพันส่วนตัวไม่มีปัญหากัน ความเป็นเพื่อนความคุ้นเคย การทำงานร่วมกันยังเหมือนเดิม แต่เขาจะไปทำงานที่พรรคไหนก็เป็นเรื่องของเขา ขอเพียงให้ทุกคนทุกภาคทำเพื่อบ้านเมือง

การหาเสียง ถ้าชนะการเลือกตั้งแล้วทำไม่ได้จะทำอย่างไร เพราะหลายอย่างตนมองว่ามันอันตราย โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ จะดำเนินนโยบายอะไร ต้องบอกที่มาของงบประมาณ เช่นบางนโยบายใช้งบประมาณ 9 แสนล้าน ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน จะดึงจากหน่วยงานอื่นมาทั้งหมดใช่หรือไม่ ซึ่งทำให้หน่วยงานเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรได้ และเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ เปิดเผยว่าในระหว่างนั่งรอผู้สมัครจับหมายเลข ได้พูดคุยกับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันตามปกติ ไม่ใช่คู่แข่งกัน แค่ท่านทำของท่านผมทำของผม วันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ไม่ต้องคิดว่ารวมกันวันหน้าหรือไม่ วันนี้ผมแยกมาแล้วก็คือแยก แค่ลำพังพรรคผมก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

ส่วนที่หลายคนมองว่า ที่ตนมาสมัครสมาชิก “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ อย่างสง่างามนั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ใครจะมองอย่างไรก็เรื่องของเขา แต่ในส่วนของผม อยากให้โอกาสคนอื่นขึ้นมาเป็นบ้าง

อย่างปาตี้ลิสต์เบอร์ 1 เป็นชื่อของ “นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” เพราะว่าตนเหลือเวลาอีก 2 ปี ถ้าตนไม่อยู่ก็จะได้มีคนมาสานต่อตรงนี้ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ตนไม่ลงปาตี้ลิสต์ ทั้งนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ตนมีภาระและบทเรียนที่เคยทำมาแล้วทั้งในและนอกสภาฯ

วันนี้มีคนพูดว่า ตนทำให้สภาฯ ล่ม มันใช่หรือไม่ เป็นผู้ใหญ่แล้วพูดจาอะไรขอให้ระมัดระวังด้วย หลายคนมาโทษนายก ทั้งๆ ที่ตนไม่ใช่ ส.ส. และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่ถูกเลือกมาเพราะมีพรรคการเมืองสนับสนุนให้ วันนี้ประชาชนต้องเป็นคนตัดสินใจ ว่าอยากได้ประเทศไทยแบบไหน อย่าให้ประเทศสงบ มีเสถียรภาพ

ขณะเดียวกันก็ได้ตำหนิบางพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายเชิงประชานิยม ใช้งบประมาณจำนวนมากกว่า 9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะสามารถหาเงินงบประมา มาดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงได้

ดังนั้นจึงขอฝากสื่อมวลชน ติดตามดูนโยบายของพรรคเหล่านี้ด้วย ว่าสามารถทำตามที่สัญญาได้หรือไม่ และฝากถามด้วยว่า จะหาเงินมาจากไหน เพราะเป็นไปไม่ได้เลย