“ปชป.” ชู “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” วันสตรีสากล

3 มีนาคม 2566 นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมเวทีเสวนาวานนี้ (2 มี.ค) จัดโดยมูลนิธิเพื่อนหญิงเนื่องในโอกาส “วันสตรีสากล” เปิดเวทีผู้หญิงส่งเสียงเรียกร้องพรรคการเมือง ให้กับตัวแทนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ นำเสนอนโยบายพรรคในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง พร้อมเข้ารับฟัง 8 ข้อเสนอ การคุ้มครองสิทธิ ความมั่นคงในอาชีพ รัฐสวัสดิการ บ้าน โรงเรียน ชุมชน สังคม ความปลอดภัยสำหรับผู้หญิง 34 ล้านคน ซึ่งข้อเสนอทั้ง 8 ข้อ พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าเห็นด้วยในหลักการทุกข้อเสนอ และยินดีจะไปช่วยผลักดัน

นางดรุณวรรณ กล่าวในช่วงเริ่มต้นว่า พรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกยินดีที่มูลนิธิเพื่อนหญิงเปิดเวทีเสวนาให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ มานำเสนอนโยบาย เพราะตนองเชื่อว่าการขับเคลื่อนผลักดันนโยบายต่าง ๆ จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม และภาคประชาชน สำหรับภาพรวมนโยบายสตรีของพรรคประชาธิปัตย์ คือ

     1. การให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพในเรื่องเพศสภาพ โดยมองข้ามไปมากกว่าความเป็นเพศชายและเพศหญิง พรรคจึงได้ตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมระหว่างเพศ ขึ้นเป็น 1 ใน 15 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค จึงถือได้ว่าพรรคได้ตระหนักถึงเรื่องของความเท่าเทียมตั้งแต่ภายในพรรค และได้ขับเคลื่อนงานมาโดยตลอด

     2. การให้ความสำคัญกับการสร้างบทบาท และคุณค่าของสตรี ในทุกมิติของการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม หรือด้านอื่น ๆ

     3. พรรคมีจุดยืนในการเพิ่มพื้นที่ให้สตรีมีบทบาททางด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเวทีขนาดใหญ่ หรือระดับท้องถิ่นก็ตาม แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นสตรีมีเพียง 77 คน ในขณะที่วุฒิสมาชิกที่เป็นสตรี มีเพียง 26 คน ถือว่าอยู่ในจำนวนที่น้อยมาก โดยมีอัตราส่วนต่ำกว่าอัตราที่ควรจะเป็นตามกรอบของ UN Woman ที่ระบุไว้ว่าจะต้องมีการสร้างสมดุลในการมีส่วนร่วมทางการเมืองระหว่างชาย-หญิง

โดยพรรคประชาธิปัตย์ ได้พยายามผลักดันขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การวางโครงสร้างภายในพรรค ด้วยการกำหนดสัดส่วนที่จะให้ผู้หญิงเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริหารพรรค นอกจากนี้ยังมีการกำหนดสัดส่วนของผู้สมัครลงรับเลือกตั้งที่เป็นสตรี และมีการกำหนดสัดส่วนของสตรีในส่วนของสาขาพรรค โดยมีการกำหนดแนวทางไว้ชัดเจนและระบุไว้ในข้อบังคับพรรค ถือได้ว่าพรรคมีความชัดเจนมากในเรื่อง Gender Rights และ Political Rights ทั้งนี้มองว่ากระบวนการที่ให้สตรีมีพื้นที่ทางการเมืองไม่ได้เริ่มจากในพรรคการเมืองแล้ว เราจะไปขับเคลื่อนในเรื่องนี้นอกพรรคได้อย่างไร

สำหรับนโยบายสตรี ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นางดรุณวรรณกล่าวว่า พรรคมีกรอบยุทธศาสตร์ใหญ่ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” โดยเชื่อว่าการสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังให้ผู้หญิงมีความแข็งแกร่งได้ในสังคม

“วันนี้ผู้หญิงจะแข็งแกร่งได้อย่างไร ถ้าครอบครัวยังอ่อนแอ ผู้หญิงจะแข็งแกร่งได้อย่างไร ถ้าเศรษฐกิจยังมีปัญหา ยังดูแลตัวเองไม่ได้ และผู้หญิงจะแข็งแกร่งได้อย่างไร ถ้าประชาธิปไตยยังไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง และยังต้องมีการเดินออกมาเรียกร้อง ซึ่งหลักคิดของประชาธิปัตย์ในเรื่องประชาธิปไตย ก็คือต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ส่วนกรอบยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน” ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่เพียงแต่ต้องการสร้างเงินให้กับคนไทย แต่ยังต้องการสร้างรายได้ให้กับประเทศ จากสถานการณ์โควิดก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ท้าทายใหม่ในหลายบริบท ซึ่งมีทั้งความซับซ้อน ไม่แน่นอน ผันผวน และความคลุมเครือ หากยังมีหลักคิดออกแบบนโยบายโดยยึดโยงแนวคิดแบบเดิม ๆ ไม่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้หญิงก็จะแข็งแกร่งต่อไปได้ยาก หากผู้หญิงมีความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจก็จะเอาชนะอุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตได้ ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว จะสามารถแข็งแกร่งได้จากการมีเงินในกระเป๋า โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงผู้ชาย

สำหรับเรื่องการ “สร้างคน” ประชาธิปัตย์มีดีเอ็นเอในเรื่องนี้ และได้ริเริ่มทำตลอดมา อาทิ กองทุน กยศ. นมโรงเรียน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลชวน รวมไปถึง นโยบายเรียนฟรี 15 ปี เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ สิ่งเหล่านี้เป็นความตั้งใจของพรรคที่จะต่อยอด สานต่อเพื่อก่อพลังและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับผู้หญิงได้อย่างแท้จริง

นางดรุณวรรณ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในวันนี้เราจำเป็นต้องมองผู้หญิงในภาพของทุกช่วงวัย ไม่ใช่มองผู้หญิงเฉพาะในวัยเจริญพันธุ์ที่เติบโตแล้ว เนื่องจากเวลานี้สังคมไทยได้เข้าสู่ Completed Aged Society อย่างสมบูรณ์แล้ว กล่าวคือ ในเดือน มกราคม 2566 จำนวนผู้สูงอายุมีตัวเลขสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ของประชากร

ดังนั้นการออกแบบนโยบายเพื่อผู้หญิงที่สูงอายุ จึงมีความจำเป็น พรรคประชาธิปัตย์ จึงมีแนวคิดในการมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำในรูปแบบ segmentation เพื่อให้เกิดการรวมตัวกันสำหรับสร้างอาชีพ บนหลักคิดที่จะต้องไม่กระทบต่อระบบงบประมาณของประเทศ กล่าวคือเงินที่ใส่เข้าไปจะต้องสามารถสร้าง Productivity ได้มากที่สุด

อีกทั้งยังเป็นการเน้นนโยบายเพื่อให้เกิดการจ้างงานด้วย เนื่องจากเมื่อไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว จะส่งผลต่อภาคแรงงาน ดังนั้นจึงจะต้องมีการพิจารณาเรื่องการขยายเวลาอายุเกษียณจากการประกอบอาชีพ รวมไปถึงเรื่อง Gender Responsive Budgeting (GRB) หรือการจัดสรรงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ ที่จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นและขยายวงกว้างต่อไป

“โดยภาพรวมแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ได้คิดนโยบายภายใต้กรอบ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” โดยพรรคเห็นความสำคัญของการสร้าง มากกว่าการให้ ในส่วนของกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง จะต้องผลักดันให้มีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะส่วนตัวเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบ ต้องจบด้วยกฎหมาย ไม่ได้จบด้วยคนใดคนหนึ่ง” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว