โดยอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อธิบายปรากฏการณ์นี้ผ่าน “ข่าวข้นคนข่าว” ซึ่งมองในแง่หลักการ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับรัฐการเมือง ที่จะมีความเห็นต่างทางจุดยืน ยุทธศาสตร์ ของแกนนำ นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งการเมือง
ทว่า ท่าทีตอบโต้ของ คุณพิธา อาจทำให้บรรดาแฟนคลับตกใจ กระทบต่อความรู้สึกคนใน โดยเฉพาะคำว่า “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” ดังนั้น เป็นเรื่องที่ภายในพรรคจะต้องมาคุยกัน และยิ่งเฉพาะใกล้เลือกตั้ง พรรคจะมีการวางท่าทีแบบไหน
“ถ้าเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ต้นทุนราคาที่ต้องจ่ายสูงไปไหม คุณพิธา ยืนยันว่าปิดสวิตช์ 3 ป. และส.ว. เรื่องนี้ก็พออธิบายได้ แต่ปัญหาระยะยาว พรรคร่วมไปด้วยกันหรือไม่ เพราะจุดยืน เพื่อไทย ก้าวไกล ดูเคมีไม่ตรงกัน แต่คุณปิยบุตร ที่มองการทำงานต้องวางยุทธศาสตร์ เป็นเรื่องที่ถูก
เพราะตลอดระยะเวลา 10-20 ปี ความขัดแย้งวนลูปเดิม ดังนั้น คนก้าวไกลต้องประเมินด้วยว่า มองการเมืองระยะยาว ไม่ซ้าย ไม่ขาว เป็นอย่างไร เพื่อเป็นทางเลือกที่ 3”
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางกระแสการต่อสู้ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับเพื่อไทย ก็ถือเป็นโอกาสของก้าวไกล แต่การประนีประนอมต่อรองการร่วมหรือวางสถานะกับเพื่อไทย ในการทำงานการเมืองบางอย่าง ซึ่งก้าวไกลเองก็ต้องประเมินชัยชนะ ระหว่างระยะสั้นกับระยะยาว จะเลือกแบบไหน
ส่วนปัญหาความขัดแย้งที่อาจขยายผลไปสู่ฐานเสียงของพรรคนั้น อาจารย์โอฬาร ระบุว่า เท่าที่ดูผลโพลจากหลายสำนัก เชื่อว่าไม่กระทบมวลชนหลัก ท่ามกลาง 2 ขั้ว ที่มีอยู่ ซึ่งไม่เป็นความหวัง แต่ก้าวไกลคิดว่าเป็นความหวังได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นในเชิงความคิด ไม่ส่งผลให้พรรคไปต่อไม่ได้
“ความชัดเจน กระแส การพูดถึงปัญหา 3 ป. ก้าวไกลควรขยี้ขยายต่อ ตามที่คุณรังสิมันต์ เปิดไว้ โดยนำมาสู่การปราศรัยหาเสียง ไปยังคนชั้นกลาง นิวโหวตเตอร์ โดยเฉพาะคนชั้นกลางซีเรียสกับคอร์รัปชัน ดังนั้นก้าวไกล ต้องวางยุทธศาสตร์ เขตอาจไม่สำเร็จมากนัก แต่ปาร์ตี้ลิสต์ต้องเอามาให้มากที่สุด”
ขณะที่ อาจารย์ประจำสำนักวิชาการเมืองและการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร มองผลที่เกิดขึ้นว่า ส่วนหนึ่งเป็นความพยายาม 2 ขั้ว ของก้าวไกล ฝ่ายหนึ่งตั้งอยู่บนฐานอุดมการณ์ หรือเสรีนิยมสุดโต่ง แต่ปรับตัวเข้ามาอยู่ในกรอบสายกลาง
ทั้งนี้ ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่การปรับเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วประเทศ ถ้าทำได้จะเพิ่มโอกาสในการร่วมรัฐบาล ซึ่งก้าวไกลพยายามปรับโทนเข้ากับการเมืองไทย ส่วน คุณธนาธร และคุณปิยบุตร พยายามโลว์โปรไฟล์ ขณะที่ก้าวไกลเป็นในทางเสรีนิยม ทางสายกลาง ซึ่งรวมถึงนโยบาย
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะกระทบฐานเสียงหรือไม่แค่ไหน ซึ่งพรรคก้าวไกลมีฐานเสียง 2 ปีก คือ พรรคกับมวลชน โดยมวลชนที่สนับสนุนพรรคก็ยังคงเหนียวแน่น แต่อีกปีกที่จะเข้าก้าวไกล อาจมีความสับสนในเรื่องความชัดเจน สมมุติว่า คุณพิธา ได้คุยกับคนรุ่นใหม่ ทำความเข้าใจ ก็ไม่กระทบภาพลักษณ์ แต่หากปล่อยไว้ยืดเยื้อ มีวิวาทะเพิ่ม ก็ส่งผลต่อพรรคพอสมควร
“อย่าลืมว่าฐานรุ่นใหม่ต้องการเปลี่ยนแปลง หากสายกลางมากไป ซ้ายมากไป คือ ล้ำหน้ามวลชน ทำให้มวลชนตามไม่ทันวิธีคิด ก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้ามองมุมบวก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนหันมาสนใจ ก็เป็นไปได้ว่านี่คือพรรคมวลชนจริงๆ ปล่อยถกเถียงทางความคิดได้ พรรคนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทำให้พรรคก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น”
ด้าน รศ.ยุทธพร อิสรชัย อดีตรองอธิการบดี ม.สุโขทัยธรรมาธิราช บอกว่า การขัดแย้งระหว่างนายปิยบุตร และนายพิธา มองว่า มีโอกาสที่อนาคตพรรคก้าวไกลจะแตกแยกได้ เพราะนอกจากจะต้องต่อสู้และเผชิญกับศึกนอก อย่างการเลือกตั้งที่มีกติกาเปลี่ยนแปลง ยังต้องต่อสู้กับศึกภายในอีก ปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ และแม้ว่านายปิยบุตร จะอยู่ในคณะก้าวหน้า แต่ในเชิงความสัมพันธ์ย่อมมีความเกี่ยวข้องกัน
ส่วนจะทำให้ฐานเสียง โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือนิวโหวตเตอร์ หดหายไปหรือไม่ อ.ยุทธพร มองว่า ฐานเสียงของก้าวไกลจะไม่ลดลง เพราะแฟนคลับสนับสนุนอุดมกาณ์ของพรรคมากกว่าตัวบุคคล แต่ก็อาจส่งผลต่อเอกภาพในพรรค เพราะหลายคนที่ก้าวออกมา ก็วิจารณ์พรรคค่อนข้างแรง
อ.ยุทธพร บอกด้วยว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะใช่การสร้างกระแสเพื่อเรียกคะแนนเสียง เพราะให้ผลลัพธ์แย่มากกว่าดี และสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความแตกต่าง และความไม่มีเอกภาพของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของฝ่ายเสรีนิยม ที่มีความหลากหลาย และมีความแตกต่างกันได้
แม้ว่าทั้ง พิธา-ปิยบุตร จะออกมาสยบรอยร้าว เอ่ยปากขอโทษขอโพยกันไปแล้วล่าสุด แต่ความสมดุลระหว่างตัวบุคคล และปัญหาภายในพรรค จะจบลงจริงหรือไม่ หรืออาจสร้างปัญหาให้กับการสู้ศึกเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะมาถึง
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน คริส โปตระนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ค่ายก้าวไกล ก็ประกาศแยกตัวออกไปแล้ว หลังมีเรื่องบาดหมางเกิดขึ้น
เช่นเดียวกับ วินท์ สุธีรชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ออกมาให้กำลังใจ คริส ที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลังบ้านสีส้ม ก่อนจะขอแยกตัวตามมาติด ๆ ซึ่งรายหลังได้ย้ายร่วมก๊วน "รวมไทยสร้างชาติ" ตามคำชวนของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว