บิ๊กตู่ ย้ำ ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.ก.ป้องกันฯอาชญากรรมไซเบอร์ เชือดบัญชีม้า

15 กุมภาพันธ์ 2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเข้าร่วมรับฟังการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 แต่ในอีกด้านหนึ่ง ได้ โพสต์เฟซบุ๊กประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(14 ก.พ.) ที่มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ซึ่งจะเป็นกฎหมายสำคัญในการขจัดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

ในการประชุม ครม.วานนี้ (14 ก.พ.66) ได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นกฎหมายสำคัญในการขจัดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ที่นับวันยิ่งพัฒนารูปแบบกลลวงที่ซับซ้อน หลากหลาย และรุนแรงมากขึ้น ประชาชนจำนวนมาก ต้องเดือดร้อน สูญเสียทรัพย์สิน และบางรายถึงกับต้องสูญเสียชีวิต จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีการรับแจ้งความอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวนทั้งสิ้นมากถึง 92,031 คดี

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการติดตามอายัดบัญชีได้ 65,872 บัญชี แต่เรายังจำเป็นต้องมีกฎหมายใหม่ ที่ทันต่อภัยคุกคาม และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในการร่วมกันแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน

โดยพระราชกำหนดฉบับใหม่ ที่รัฐบาลได้ผลักดันนี้ มีหลักการทำงานที่สำคัญ 3 ประการ คือ

1. การบูรณาการ คือ ช่วยให้เกิดกลไกการทำงานเชื่อมโยงกัน  ทั้งการแลกเปลี่ยนและตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินฝาก ธุรกรรม และข้อมูลการโทรศัพท์ โทรคมนาคม สำหรับทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

2. การป้องกันความเสียหาย คือ การมอบอำนาจและหน้าที่ ให้ผู้ที่พบเหตุน่าสงสัยว่า เป็นการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน สามารถระงับธุรกรรมนั้น "ชั่วคราว" ไม่เกิน 7 วัน เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ยึด อายัด ดำเนินคดี และ ระงับความเสียหายต่อไป โดยเปิดช่องทางประชาชนทั่วไป สามารถแจ้งความเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ที่ สถานีตำรวจทุกแห่ง ทั่วประเทศ หรือร้องทุกผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

3. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ คือ การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัยจากบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการใช้โทรศัพท์ ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น การโอนเงินเข้า-ออกบัญชีบ่อยครั้ง โดยไม่สามารถแจ้งที่มาของเงินนั้นได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อกฎหมายนี้บังคับใช้แล้ว ผู้ใดเปิด "บัญชีม้า" โดยยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก, บัตรอิเล็กทรอนิกส์, บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเลขหมายโทรศัพท์ ไปทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาใดๆ ก็จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ