กรณีมีการเผยแพร่คลิปปลัดกระทรวงมหาดไทย ตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทย ในระหว่างประชุมข้าราชการกระทรวงฯ ซึ่งภายหลังคลิปถูกเผยแพร่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างกว้างขวาง นั้น
5 มกราคม 2566 น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวและเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเกียรติยศชื่อเสียง ด้วยมีการใช้ถ้อยคำในลักษณะดูหมิ่น เหยียดหยามและลดทอนคุณค่าของบุคคล อันไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 4 ที่บัญญัติว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง
รวมทั้งหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ระบุว่า การเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะด้วยเหตุแห่งสถานะทางสังคมหรือเหตุอื่นใดย่อมกระทำไม่ได้ ซึ่งหากพิจารณาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ข้าราชการต้องมีความประพฤติสุภาพเรียบร้อย และต้องรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการมิให้เสื่อมเสียด้วย
ในการประชุมกรรมการสิทธิฯ ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าวและมีความเห็นในเบื้องต้นว่า กรณีนี้เข้าข่ายการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม และการขาดความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาต้องช่วยกันบ่มเพาะ ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชน และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“กสม. เห็นว่าเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทย ควรจะเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ ตามหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป” น.ส.สุภัทรา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ร้อง “บิ๊กตู่” ตรวจสอบ “ปลัดมหาดไทย” สั่ง “ภูเก็ต” ถอนตัวเจ้าภาพโลกร้อน
"ศรีสุวรรณ" จ่อร้อง "มท.1" เอาผิด "ปลัดมท." ปมดูถูกผู้ใต้บังคับบัญชา
งานเข้า! จุฬาฯ ออกแถลง ให้ ปลัดมท. ทบทวนตัวเอง พ้น นายกสมาคมนิสิตเก่าฯ
“สุทธิพงษ์” โพสต์ขอโทษใช้คำพูดไม่เหมาะสม แจงหวังคนมหาดไทยทุ่มเททำงาน
เปิดคลิป ลั่น"โง่เป็นควาย" มหาดไทยสะเทือน "สุทธิพงษ์ จุลเจริญ"ปลัดมท. บูลลี่ ขรก.
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถิติเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง ธ.ค.65 พบเรื่องร้องเรียนจำนวน 1,152 เรื่อง สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเรื่องร้องเรียนมากสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.สิทธิและสถานะของบุคคล คิดเป็นร้อยละ 36.72 2.สิทธิในกระบวนการยุติธรรม คิดเป็นร้อยละ 13.72 และ 3.สิทธิชุมชน คิดเป็นร้อยละ 5.03 ส่วนประเด็นสิทธิอื่น ๆ ที่มีการร้องเรียนมายัง กสม. เช่น สิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิและความเสมอภาคทางเพศ การเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม สิทธิแรงงาน สิทธิเด็ก สิทธิคนพิการ สิทธิของผู้สูงอายุ และสิทธิทางการศึกษา
โดย กสม. มีนโยบายคุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยเร็ว ซึ่งการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนช่วยร่นระยะเวลาให้สั้นลง หลายคำร้องใช้ระยะเวลาไม่นานในการดำเนินการจนแล้วเสร็จ เช่น คำร้องเรื่อง สิทธิและสถานะของบุคคล กรณีการอำนวยความสะดวกติดตาม ประสาน เร่งรัดกระบวนการพิจารณาสัญชาติที่สามารถดำเนินการเเล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน
ส่วนการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในปี 2565 มีจำนวน 181 เรื่อง โดยประเด็นสิทธิที่ กสม. มีมติว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน โดยละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และผู้เกี่ยวข้องในการเสนอข่าวต่อสาธารณะ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่คืนทรัพย์สินที่ยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญา และกรณีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า
2.สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย เช่น กรณีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บสาหัสในการสลายการชุมนุม กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐทำร้ายร่างกายขณะจับกุมและควบคุมตัว และกรณีการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) หรือการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดแบบเหมารวมโดยไม่ได้รับความยินยอม
และ 3. สิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน เช่น กรณีแนวเขตของอุทยานแห่งชาติ ทับซ้อนที่ดินทำกินของราษฎร และกรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและการจัดระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่คนจนเมืองในชุมชนแออัด