svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

ย้อนอดีตโอลิมปิกฤดูหนาว และอนาคตที่เริ่มไม่แน่นอนจากภาวะโลกร้อน

01 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โอลิมปิกฤดูหนาว เริ่มต้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิกฤดูร้อน ก่อนจะค่อย ๆ พิสูจน์ตัวในฐานะอีกหนึ่งการแข่งขันสำคัญของโลกกีฬาในเวลาถัดมา ปัญหาคือในอีก 30 ปีข้างหน้า ภาวะโลกร้อนอาจทำให้บทบาทของกีฬาฤดูหนาวลดลง

Highlights

  • กว่าหนึ่งร้อยปีที่แล้ว โอลิมปิกที่กรุงลอนดอน บุกเบิกกีฬาบนพื้นน้ำแข็งเป็นครั้งแรก ด้วยการบรรจุฟิกเกอร์สเก็ตเป็นหนึ่งในประเภทการแข่งขัน และนำไปสู่การริเริ่มจัดสัปดาห์กีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก
  • จากรายการทดสอบที่ ชาโมนิกซ์-มงต์-บล็องก์ ความนิยมที่เกินความคาดหมาย ทำให้ ไอโอซี ตัดสินใจเพิ่ม โอลิมปิกฤดูหนาว ขึ้นอีกหนึ่งรายการ และมีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
  • แต่ปัญหาใหญ่ที่โลกกำลังประสบอย่างภาวะโลกร้อน ทำให้สถานที่ซี่งมีความพร้อมทางธรรมชาติสำหรับใช้จัดโอลิมปิกฤดูหนาวกำลังลดลง ขณะที่การใช้ทรัพยากรมหาศาลเพื่อสร้างหิมะเทียมแบบที่ ปักกิ่ง เกมส์ ทำในปีนี้ ก็ถูกมองว่าไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม

--------------------

          แม้จะไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์ที่คนทั่วโลกรอคอยเหมือนฟุตบอลโลก หรือโอลิมปิกฤดูร้อน

 

          แต่โอลิมปิกฤดูหนาว ก็ถือเป็นหนึ่งในรายการสำคัญของวงการกีฬา

 

          จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้นี่เป็นรายการที่แตกต่างจากทัวร์นาเมนต์กีฬาทั่วไป คือการต้องลงแข่งขันในสถานที่และสภาพอากาศที่เอื้อต่อกีฬาฤดูหนาวเท่านั้น

 

          ปัญหาคือในอนาคต อีกไม่กี่สิบปีจากนี้ เราอาจเหลือสถานที่ซึ่งเหมาะสำหรับใช้จัดโอลิมปิกฤดูหนาวเพียงไม่ถึงสิบแห่งบนโลก ด้วยผลจากภาวะโลกร้อนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

 

เริ่มต้นอย่างเรียบง่าย
(สหราชอาณาจักรบุกเบิกกีฬาบนพื้นน้ำแข็งในโอลิมปิกฤดูร้อน ตั้งแต่เมื่อศตวรรษก่อน / ภาพจาก Olympics)

          ในโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่สี่ ที่กรุงลอนดอนเป็นเจ้าภาพในปี 1908

 

          เป็นครั้งแรกที่มีการบรรจุกีฬาซึ่งลงแข่งขันในสภาพอากาศเย็นไว้ด้วย นั่นคือฟิกเกอร์สเก็ต ซึ่งมีการชิงเหรียญทองทั้งสิ้น 4 เหรียญด้วยกัน

 

          และสหราชอาณาจักรเจ้าภาพก็กวาดเหรียญรางวัลไปได้ถึงครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 12 เหรียญ ใน 4 ประเภทการแข่งขัน

          อย่างไรก็ตาม กว่าที่กีฬาฤดูหนาวจะกลับมาแข่งขันใน โอลิมปิก อีกครั้ง ก็ต้องรออีกถึง 12 ปี ใน โอลิมปิก 1920 ที่อันท์เวิร์ป

 

          หนนี้นอกจากฟิกเกอร์สเก็ตจะกลับมาแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฮอคกี้น้ำแข็งถูกบรรจุไว้เป็นอีกประเภทกีฬาด้วย

 

          แต่หนนี้ สหราชอาณาจักรไม่ได้ครองความยิ่งใหญ่ในกีฬาฤดูหนาวอีกแล้ว เพราะชาติที่คุ้นเคยกว่าจากกลุ่มนอร์ดิคเป็นฝ่ายกวาดเหรียญรางวัลไปเกือบหมด

 

กำเนิดกีฬาฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ

(ปิแอร์ เดอ กูแบร์กแตง ประธานไอไอซีชาวฝรั่งเศส ไม่เห็นด้วยกับการจัดโอลิมปิกฤดูหนาว เพราะเห็นว่าเป็นแค่ “การเล่นสนุกของคนมีเงิน” / ภาพจาก Olympics)

          จนเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 1921 ในที่ประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ครั้งที่ 7 ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไอเดียในการจัดโอลิมปิกฤดูหนาวให้เป็นเอกเทศก็เกิดขึ้น

 

          แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาชาติยุโรปตะวันตก แต่ที่น่าแปลก คือชาติในกลุ่มสแกนดิเนเวียที่น่าจะถนัดกีฬาเหล่านี้กลับคัดค้าน

 

          เหตุผลคือถ้าโอลิมปิกฤดูหนาวเกิดขึ้น นอร์ดิคเกมส์ ซึ่งที่ผ่านมาเป็นทัวร์นาเมนต์อันดับหนึ่งสำหรับกีฬาฤดูหนาวมาตลอด จะถูกลดทอนความสำคัญลงไป

 

          ขณะที่ ปิแอร์ เดอ กูแบร์กแตง ประธานไอโอซี ในขณะนั้น ก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไปคือ เขามองว่ากีฬาฤดูหนาวนั้นเป็น "เรื่องสนุกของคนมีฐานะ" ไม่ใช่กีฬาสำหรับมหาชนนั่นเอง

 

          แต่สุดท้ายเสียงข้างมากก็เป็นผู้ชนะ ไอโอซี จึงต้องบรรจุ "สัปดาห์กีฬาฤดูหนาว" ไว้เป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิก 1924 ที่กรุงปารีส โดยจะจัดขึ้นที่ ชาโมนิกซ์-มงต์-บล็องก์ รีสอร์ตยอดนิยมของเขามงต์บล็อก์ เทือกเขาแอลป์ส ในเดือนมิถุนายนปีถัดไป ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ชนกับโปรแกรมสำคัญอื่น ๆ


สัปดาห์ประวัติศาสตร์ที่ชาโมนิกซ์
(ฟิกเกอร์สเก็ต กีฬาชนิดแรกในโอลิมปิกฤดูหนาวที่นักกีฬาหญิงได้มีส่วนร่วม / ภาพจาก Olympics)

          และเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1924 พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ณ ชาโมนิกซ์-มงต์-บล็องก์ ก็มีขึ้น โดยได้ ชุสแต็ง กลารี ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกฝรั่งเศส (ซีโอเอฟ) เป็นประธานกล่าวเปิด

          สัปดาห์กีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก มีนักกีฬา 258 คนจาก 16 ชาติเข้าร่วมแข่งขันในกีฬา 9 ประเภท

 

          ประกอบด้วย ฟิกเกอร์สเก็ต ฮอคกี้น้ำแข็ง เคอร์ลิง กีฬานอร์ดิกผสม สปีดสเก็ต บอบสเล สกีกระโดดไกล และ มิลิทารีพาทรอล (ต้นกำเนิดของทวิกีฬาฤดูหนาว) โดยมีเพียง ฟิกเกอร์สเก็ต เท่านั้นที่อนุญาตให้นักกีฬาหญิงเข้าร่วม

 

          ในปีนั้น ซอนยา เฮนี เด็กหญิงวัย 11 ปีจากนอร์เวย์ ก็ได้เข้าร่วมแข่งขันด้วย แม้จะจบในอันดับสุดท้ายและไม่ได้เหรียญรางวัลใด ๆ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของหนึ่งในนักฟิกเกอร์สเก็ตระดับตำนานรายนี้

 

          แม้จะยังไม่นับเป็นโอลิมปิกฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ แต่สัปดาห์กีฬาฤดูหนาวก็ประสบความสำเร็จเกินคาด มีผู้ชมมากกว่า 10,000 คน จนทำให้ที่ประชุมไอโอซีครั้งที่ 24 ในปี 1926 มีมติเห็นชอบให้รายการที่ ชาโมนิกซ์-มงต์-บล็องก์ ถูกนับเป็นโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

พัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
(ญี่ปุ่น คือชาติแรกในเอเชีย ที่ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว / ภาพจาก Japan Times)

          นับแต่นั้น โอลิมปิกฤดูหนาว ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปี 1928 ที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ นับเป็นครั้งแรกที่มีชาติจากเอเชีย คือ ญี่ปุ่น เข้าร่วมด้วย

 

          ในปี 1936 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ เป็นครั้งแรกที่มีการจุดคบเพลิงโอลิมปิก ในโอลิมปิกฤดูหนาว และยังเป็นครั้งแรกที่ นักกีฬาหญิงได้ลงแข่งในกีฬาประเภทอื่น นอกจากฟิกเกอร์สเก็ต เมื่อสกีอัลไพน์ถูกบรรจุเป็นประเภทกีฬาล่าสุด

 

          ในปี 1972 ญี่ปุ่น กลายเป็นเอเชียชาติแรกที่ได้จัดโอลิมปิกฤดูหนาว ที่ซัปโปโร

 

          ในปี 1986 ที่ประชุมไอโอซี ก็มีมติแยกการจัดโอลิมปิกฤดูหนาว และฤดูร้อน แทนการจัดร่วมในปีเดียวกั โดยเริ่มจากปี 1994 ที่ ลีลล์ฮัมเมอร์ ในนอร์เวย์เป็นครั้งแรก

 

          โอลิมปิกฤดูหนาวครั้งล่าสุด ที่กำลังจะมีขึ้นที่ปักกิ่ง เป็นครั้งแรกที่จีนเป็นเจ้าภาพ (เป็นครั้งที่สามในเอเชีย ถัดจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้)

 

          ขณะเดียวกัน ปักกิ่งก็จะเป็นเมืองแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้เป็นเจ้าภาพทั้งโอลิมปิกฤดูหนาวและฤดูร้อน (หิมะส่วนใหญ่ที่ใช้สำหรับสนามแข่งขัน เป็นหิมะเทียม)

 

          รวมถึงจะเป็นโอลิมปิกฤดูหนาวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา หลังได้รับอนุมัติจากไอโอซีให้เพิ่มประเภทกีฬาต่าง ๆ อีกหลายชนิด

 

          หนึ่งในนั้น จะเป็นครั้งแรกในรอบ 90 ปี ที่นักกีฬาหญิงได้รับอนุญาตจาก ไอโอซี ให้ลงแข่งขันในสกีกระโดดไกล

 

ภาวะโลกร้อน อันตรายที่กำลังคืบคลาน
(หิมะเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น ยังมีข้อจำกัดหลายเรื่อง รวมถึงความสิ้นเปลืองด้านทรัพยากร / ภาพจาก Japan Times)

          แม้โอลิมปิกฤดูหนาวจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่สถิติ แต่อนาคตของทัวร์นาเมนต์กลับน่าเป็นห่วงกว่าที่คิด

 

          นับจากปี 1924 เป็นต้นมา มีการบันทึกว่าสนาม 21 แห่งถูกใช้สำหรับจัดการแข่งขัน แต่ภายในปี 2050 เราอาจเหลือพื้นที่ที่เหมาะสมทางธรรมชาติ สำหรับใช้จัดทัวร์นาเมนต์ระดับนี้เพียงไม่ถึง 10 แห่ง

 

          รายงาน 'Slippery Slopes: How Climate Change is Threatening the Winter Olympics' จากผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัยลาฟโบโร ในสหราชอาณาจักร เตือนว่าภาวะโลกร้อนที่มีสาเหตุหลักจากมนุษย์ กำลังส่งผลกระทบให้ภูเขาน้ำแข็ง หรือแม้แต่สถานที่ซึ่งปกคลุมด้วยหิมะมีจำนวนลดลง

 

          ในรายงานฉบับดังกล่าว สถานที่ซึ่งเคยถูกใช้จัดโอลิมปิกฤดูหนาวหลายแห่ง ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ชาโมนิกซ์, นอร์เวย์, ฝรั่งเศส และ ออสเตรีย

 

          ขณะที่ แวนคูเวอร์ (แคนาด), โซชิ (รัสเซีย) และ สควอว์วัลลีย์ (สหรัฐฯ) ก็ไม่อยู่ในข่ายปลอดภัยเช่นกัน

 

          ทีมงานเจ้าของงานวิจัยฉบับดังกล่าว ยังเสริมว่าแม้โอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งจะดูสวยงาม และยิ่งใหญ่ 

 

          แต่หิมะซึ่งสร้างขึ้นจากน้ำกว่า 222 ล้านลิตร และสารเคมีช่วยชะลอการละลาย ก็ยังแตกต่างจากหิมะธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะสัมผัสในการเล่นกีฬา ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

          และในแง่มุมของการใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ก็ถูกทักท้วงว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ ในมุมของ ปีเตอร์ สเปท นักกีฬาจากทีมสหราชอาณาจักร ที่เห็นว่าการให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อน อาจสำคัญกว่าการพยายามฝืนธรรมชาติด้วยการสร้างหิมะเทียม เพื่อใช้จัดการแข่งขัน

 

          เมื่อถึงวันนั้นจริง โอลิมปิกฤดูหนาวอาจกลายเป็นแค่ “การเล่นสนุกของคนรวย” เหมือนที่ครั้งหนี่ง ปิแอร์ เดอ กูแบร์กแตง ว่าไว้ก็ได้

logoline