
Highlights
--------------------
ในงานประกาศรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของ ฟรองซ์ ฟุตบอล "บัลลง ดอร์" ครั้งล่าสุด โฟกัสไปตกอยู่ที่การคว้ารางวัลนี้เป็นสมัยที่ 7 ของ ลิโอเนล เมสซี จนหมด
ไม่ว่าจะเป็นเสียงชื่นชมดาวเตะร่างเล็กว่าคู่ควรกับรางวัลนี้แล้ว หรือแม้แต่ประเด็นที่ว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ของ บาเยิร์น มิวนิค ต่างหากที่เหมาะสมกว่า ฯลฯ
แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณค่าของรางวัลอื่น ๆ ที่มีการมอบบนเวทีในคืนนั้นด้อยลงแต่อย่างใด
โดยเฉพาะรางวัลนักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยมที่ตกเป็นของ อเล็กเซีย ปูเตยาส กองกลางชาวสเปน ผู้มีบทบาทสำคัญในการนำ บาร์เซโลนา คว้าทริปเปิลแชมป์มาครอง โดยเฉพาะความสำเร็จใน ยูเอฟา แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกของสโมสรด้วย
บัลลง ดอร์ ของนักเตะหญิง
เทียบในหน้าประวัติศาสตร์ของรางวัลทางฝ่ายชายแล้ว บัลลง ดอร์ สำหรับนักเตะหญิงยังถือว่าใหม่มาก
นิตยสาร ฟรองซ์ ฟุตบอล เพิ่งเริ่มมองรางวัลดังกล่าวให้กับนักฟุตบอลหญิงเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2018 ให้แก่ เอดา เฮเกอร์สเบอร์ก ศูนย์หน้าทีมชาตินอร์เวย์ ของ โอลิมปิก ลียง จากผลงานนำต้นสังกัดคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลก่อนหน้า
ในปีถัดมา รางวัลนี้ก็ตกเป็นของ เมแกน ราปิโน กองกลางของ โอแอล เรน ในลีก NWSL ของสหรัฐฯ
ก่อนจะว่างเว้นไปหนึ่งปี เพราะผลกระทบจากโควิด-19 จนมาลงเอยที่ ปูเตยาส ซึ่งได้รับคะแนนโหวตอย่างท่วมท้น (186 คะแนน) เหนือเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลนา เจนนิเฟอร์ เฮอร์โมโซ และ แซม เคอร์ นักเตะทีมชาติออสเตรเลียของ เชลซี
ปีทองของ บาร์เซโลนาหญิง
ในรอบปีที่ผ่านมา อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าจดจำนักของ บาร์เซโลนา ทีมชาย ไม่ว่าจะเป็นการพลาดแชมป์ ลา ลีกา หรือการต้องแยกทางกับตำนานของสโมสร อย่าง เมสซี
แต่สำหรับทีมหญิงแล้ว กลับตรงกันข้าม ทีมหญิงของบาร์ซ่าสามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ทั้งสามถ้วยมาครอง คือ ฟุตบอลลีก ฟุตบอลถ้วย (โกปา เดล เรนา) และ ยูเอฟา แชมเปียนส์ลีก
โดยเฉพาะรายการสุดท้าย ถือเป็นครั้งแรกที่สโมสรได้สัมผัสด้วย หลังเคยเข้าชิงชนะเลิศในฤดูกาล 2018-2019 และแพ้ต่อ ลียง ไป
ขณะที่ผลงานส่วนตัวของ ปูเตยาส นั้น ทำสถิติลงเล่นในทุกรายการ รวม 42 นัด ทำได้ 26 ประตู 19 แอสซิสต์ โดยเฉพาะในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ที่เธอยิงหนึ่ง และจ่ายหนึ่ง ช่วยให้ บาร์เซโลนา หญิง ชนะ เชลซี ถึง 4-0
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เส้นทางของนักเตะวัย 27 ปี กลับเริ่มจากการถูกปฏิเสธ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมรักตั้งแต่แรก
เด็กหญิงผู้ถูกปฏิเสธ
แม้จะเกิดในครอบครัวที่นิยมบาสเกตบอลเป็นหลัก แต่ ควาเม พ่อของ ปูเตยาส ก็มักจะพาลูกสาวตัวน้อยไปดู บาร์เซโลนา เล่นที่ คัมป์ นู อยู่เสมอ
จนเมื่ออายุ 6 ขวบ เด็กหญิงอเล็กเซีย ก็เริ่มหลงใหลในกีฬาฟุตบอลอย่างจริงจัง
เอลิซาเบท แม่ของเธอเล่าว่าลูกสาวมักจะกลับบ้านมาพร้อมกับแผลถลอกหรือรอยฟกช้ำ จากการเล่นฟุตบอลอยู่เสมอ
จากความชื่นชอบนำไปสู่ความมุ่งมั่นอย่างจริงจัง ในปีถัดมา อเล็กเซีย ก็ได้เข้าร่วมในทีมเยาวชนของ ซาบาเดลล์ จากการสนับสนุนโดยคนรู้จักของครอบครัว ปูเตยาส และมีโอกาสขัดเกลาฝีเท้าที่นั่นอยู่สี่ปี
แล้วโอกาสที่ อเล็กเซีย รอคอย ก็มาถึง เธอได้ย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ บาร์เซโลนา ทีมรักที่ตามเชียร์มาตั้งแต่เด็ก
น่าเสียดายที่จากนั้นเพียงปีเดียว การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในสโมสร ก็ส่งผลกระทบมาถึง อเล็กเซีย ตัวน้อย
เธอต้องเก็บข้าวของออกจากทีม และมองหาตัวเลือกใหม่ เพื่อสานต่อโอกาสในการเล่นฟุตบอล
เติบโตบนทางของตัวเอง
ชาบี ยอเรนส์ อดีตเฮดโค้ชทีมหญิงของ บาร์เซโลนา ซึ่งขณะนั้น อยู่ระหว่างวางรากฐานให้ทีมหญิง เพื่อการเติบโตขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของวงการ เล่าว่าเขามองเห็นศักยภาพในตัว ปูเตยาส และมั่นใจว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
ปูเตยาส ย้ายไปเล่นให้ทีมเยาวชนของ เอสปันญอล คู่แข่งร่วมเมือง และเติบโตขึ้นจนได้รับโอกาสเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในอีกห้าปีถัดมา ขณะอายุได้เพียง 16 ปี ก่อนจะพัฒนาขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม ร่วมกับผู้เล่นทีมชาติ อย่าง เบโร โบเกต, มาร์ตา ตอร์เรฆอน และ ซิลเวีย เมเซเกร์
หลังอยู่กับ เอสปันญอล มาเกือบสิบปี ก็ถึงเวลาที่ ปูเตยาส จะย้ายไปหาความท้าทายใหม่ ๆ เธอตกลงเซ็นสัญญากับ เลบานเต สโมสรในบาเลนเซีย ซึ่งสร้างความฮือฮาในระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้น เธอเพิ่งคว้าเหรียญทองแดง ร่วมกับทีมชาติสเปนชุดยู-17 และถือเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามอง
ที่เลบานเต คือโอกาสที่ ปูเตยาส จะได้เติบโตไปอีกขั้น เพราะทีมของ อันโตนิโอ กอนเตรราส นั้น มีผู้เล่นระดับซีเนียร์ รวมถึงนักเตะระดับกัปตันทีมชาติหลายราย
และภายในทีม ก็มีการบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพมากกว่าภาพรวมของวงการฟุตบอลหญิงทั่วไปในยุคนั้น ซึ่งจะส่งดีต่อพัฒนาการของเธอ
"ตอนนั้นในทีมมีผู้เล่นระดับบิ๊กเนมอยู่แล้วหลายคน เราเซ็นสัญญากับ อเล็กเซีย เข้ามา เพื่อสร้างความหลากหลาย" กอนเตรราส อธิบาย
ชาบี และ บุสเกตส์ ในคนเดียวกัน
เพียงแค่ฤดูกาลแรกกับทีม ปูเตยาส ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงไว้ได้ พร้อมผลงาน 15 ประตูจาก 34 นัด
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เธอได้เรียนรู้จาก กอนเตรราส คือการเคลื่อนไหวขณะที่ไม่ได้ครองบอลอยู่
"วันแรกที่เธอมาที่นี่ ผมบอกว่าเธอต้องเรียนรู้ที่จะเล่น ตอนไม่ได้ครองบอล"
และหนึ่งในผู้เล่นซึ่งเป็นแม่แบบในการเล่นของ ปูเตยาส คือ เซร์คิโอ บุสเกตส์ กองกลางตัวโฮลด์บอลของทีมชาติสเปน และ บาร์เซโลนา
"การที่เธอยึด บุสเกตส์ เป็นแม่แบบ ทำให้เธอรู้จักโฟกัสการยืนตำแหน่งในสนาม และการแย่งบอลกลับคืนมา ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอพยายามจะหาสมดุล ระหว่างการเล่นแบบ ชาบี (เอร์นานเดซ) กับ บุสเกตส์ ในสไตล์ของตัวเอง"
คุณสมบัติหนึ่งของ ปูเตยาส ที่ กอนเตรราส ประทับใจ คือการเปิดกว้าง พร้อมรับฟังคำแนะนำจากคนอื่น เพื่อนำไปพัฒนาตัวเอง
"การที่รองเท้าของเธอยังดูสะอาดทั้งที่เล่นจนจบเกม นั่นก็บอกได้ว่าคลาสของเธอนั้นอยู่ในระดับไหน"
การสูญเสีย และคืนสู่เหย้า
ในช่วงเวลาสำคัญที่แจ้งเกิดในวงการฟุตบอลสำเร็จ ปูเตยาส กลับต้องเจอบททดสอบสำคัญด้านจิตใจ เมื่อ ควาเม่ พ่อผู้อยู่เบื้องหลังความรักในกีฬาฟุตบอล เกิดเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
แต่สุดท้าย เธอก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ เลบานเต จนทำให้ บาร์เซโลนา หันกลับมาสนใจเธออีกครั้ง
กอนเตรราส รับว่าเขาเข้าใจดี เมื่อ เอลิซาเบท แม่ของ ปูเตยาส โทรหาเขา เพื่อขอคุยในเรื่องนี้
"เมื่อเธอบอกผมว่า บาร์ซ่า ติดต่อเข้ามา ผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพื่อโน้มน้าวให้เธออยู่กับเราต่อได้"
ยอเรนส์ ซึ่งเป็นคนติดต่อหา ปูเตยาส ด้วยตัวเอง เล่าว่าแม้จะตัดสินใจปล่อยตัวนักเตะให้ เอสปันญอล ไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน แต่ก็ยังติดตามผลงานของ ปูเตยาส มาตลอด ก่อนจะได้ร่วมงานกันถึงห้าปี
และที่ บาร์เซโลนา ปูเตยาส ก็มีโอกาสได้พัฒนาไปอีกขั้น สิ่งหนึ่งที่ ยอเรนส์ มองเห็นในตัว ปูเตยาส คือการเรียนรู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ทีมแพ้
"เธอไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ เธออยากจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ"
คุณค่าที่ได้รับการพิสูจน์
หนึ่งในความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ สำหรับ ปูเตยาส คือนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ในวันนั้น บาร์เซโลนา ลงสนามพบกับมหาอำนาจของวงการอย่าง โอลิมปิก ลียง ที่บูดาเปสต์ และแพ้ไปแบบสู้ไม่ได้ 1-4
เอดา เฮเกอร์สเบอร์ก เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์หญิงคนแรก ยิงแฮตทริกให้ทีมจากฝรั่งเศส นำถึง 4-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก
ก่อน บาร์เซโลนา จะตีไข่แตกได้ในนาทีสุดท้าย จาก อซิซาต โอโชอาลา
หลังจบเกม ปูเตยาส เลือกที่จะห้อยเหรียญเงินไว้ เพื่อจดจำว่าตลอดเส้นทาง ทีมต้องผ่านอะไรมาบ้าง แม้จะมีบทสรุปที่ความพ่ายแพ้ก็ตาม
แต่สุดท้าย เธอกับเพื่อนร่วมทีมก็ก้าวข้ามความผิดหวังในคืนนั้นได้จริง ๆ
และไม่เพียงจะนำ บาร์ซ่า คว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ผลงานของเธอทั้งฤดูกาลยังมีส่วนให้เธอเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เล่นแนวรุกที่ยิงประตูได้มากมายเสมอไป
เป็นรางวัลจากความทุ่มเทตลอดชีวิตการเล่นของเธอ ที่ทุกฝ่ายเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
--------------------
SOURCE