“การงีบหลับ” กับรูปแบบการนอนที่แปลกแต่จริง
การนอน คือ 1 ในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรามีสุขภาพดี หากย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปีก่อน มีความเชื่อเรื่องการนอนหลับว่า เป็นช่วงเวลาที่สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกายจะอยู่ในโหมด Shutdown และเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟู แต่สิ่งที่นักวิจัยได้รับรู้ภายหลังกลับมีความซับซ้อนมากกว่านั้น
Highlights
- เมื่อเรานอนจะหลับลึกในระยะเวลาที่นานพอ จะเกิดการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ กระตุ้นการเติบโตและพัฒนาการ เสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน และช่วยให้สมองมีความสามารถในการเรียนรู้จดจำมากขึ้น
- หากคุณภาพการนอนไม่ดี ร่างกายและสมองจะไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ร่างกายจะแสดงออกมา เช่น ตอนเช้าเราจะไม่อยากลุกจากเตียง ช่วงกลางวันร่างกายก็มักแสดงอาการล้า ง่วงเหงาหาวนอน
- หากนอนไม่พอ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ระหว่างวันให้เราลองหาเวลางีบสัก 15-20 นาที จะช่วยทำให้ร่างกายและสมองกลับมากระปรี้กระเปร่า ได้
- “ฮ่องกง” มีบริการให้ที่งีบหลับบนรถเมล์ระหว่างวัน ในระยะเวลา 5 ชั่วโมง เพราะหนุ่มสาวออฟฟิศชาวฮ่องกงส่วนใหญ่มีปัญหาการนอน ทั้งจากความเครียดในที่ทำงาน และสภาพที่อยู่อาศัยที่ไม่เอื้อต่อการนอนหลับ
- “คริสเตียโน โรนัลโด” นักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ มีรูปแบบการนอน “เป็นห้วงๆ” คือ เข้านอนหลายรอบตลอดทั้งวัน วันละ 5-6 รอบ ช่วยให้ร่างกายของเขาทำงานเต็มประสิทธิภาพ สดชื่นตลอดเวลา และมีผลต่อฟอร์มการเล่นฟุตบอล
--------------------
เมื่อเรานอนจะเกิดกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย
ยิ่งหลับลึกในระยะเวลาที่นานพอ จะเกิดการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ กระตุ้นการเติบโตและพัฒนาการ เสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน และช่วยให้สมองมีความสามารถในการเรียนรู้จดจำมากขึ้น
คำถาม คือ เราจำเป็นต้องนอนกี่ชั่วโมง? นอนแบบไหน? ถึงจะเพียงพอในแต่ละวัน
คนวัยผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง หากคุณภาพการนอนไม่ดี ตอนเช้าเราจะไม่อยากลุกจากเตียง หลายคนอาจลุกมาปิดเสียงนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อ ขณะที่ช่วงกลางวันร่างกายก็มักแสดงอาการล้า ง่วงเหงาหาวนอนให้เห็น บางคนเผลองีบหลับในห้องประชุมอยู่บ่อยๆ หากปล่อยไว้นานเข้าก็ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงไปด้วยนะคะ
การงีบหลับช่วงกลางวัน เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยตั้งแต่แบเบาะ ช่วงทารกจะมีช่วงงีบระหว่างวัน เมื่อเติบโตเข้าโรงเรียนชั้นอนุบาล ตกบ่ายในทุกๆวันครูจะพาเด็กๆไปนอนรวมกันเพื่องีบกลางวันเสมอ แต่เมื่อเข้าสู่ระดับชั้นประถม และเติบโตสู่ช่วงวัยทำงาน การงีบกลางวันกลับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันพวกเราอีกต่อไป
แล้วการงีบหลับระหว่างวันยังจำเป็นอยู่มั้ย?
ไม่นานมานี้ ดิฉันอ่านข่าวในฮ่องกงว่า มี “บริการให้ที่งีบหลับบนรถเมล์” ระหว่างวัน ดูแปลกแต่ก็อาจเข้าท่า เพราะหนุ่มสาวออฟฟิศชาวฮ่องกงส่วนใหญ่มีปัญหาการนอน ทั้งจากความเครียดในที่ทำงาน และสภาพที่อยู่อาศัยที่ไม่เอื้อต่อการนอนหลับ และสุดท้ายพวกเขาเผลอหลับบนรถเมล์บ่อยครั้งระหว่างเดินทางไป-กลับจากที่ทำงาน ที่สำคัญบนรถเมล์ยังหลับสนิทกว่าตอนนอนที่บ้านตัวเองด้วยซ้ำ
บริการใหม่นี้ ลูกค้าสามารถจ่ายเงินกว่า 1,500 บาท แลกกับการนั่งหลับในรถเมล์เป็นเวลา 5 ชั่วโมง รถก็จะแล่นไปเรื่อยๆระยะทางราวๆ 83 กิโลเมตร และมีไฟแดงให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารที่กำลังหลับ
นี่คือตัวอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราเห็นว่ การงีบกลางวัน เป็นทางออกของคนวัยทำงานยุคใหม่ ที่มีปัญหานอนไม่พอ แต่จะงีบแบบไหน ที่ไหน ก็เป็นอีกเรื่อง
การงีบระหว่างวันโดยทั่วไปวันละครั้งก็น่าจะเพียงพอที่จะชาร์จแบตให้ร่างกายเเล้ว แต่ยังมีรูปแบบการนอนที่แปลก และน่าสนใจมากอีกรูปแบบหนึ่งมาเล่าให้ฟัง คือ
“งีบวันละหลายๆครั้งตลอดทั้งวัน”
ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยโดย โดยนิก ลิตเติ้ลเฮลส์ (Nick Littlehales) โค้ชสอนการนอนหลับ หรือ Sleeping coach ของโรนัลโด และนักฟุตบอลระดับโลกหลายคน เปิดเผยว่า โรนัลโดให้ความสำคัญกับการพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายเป็นอย่างมาก เขานอนวันละ 8 ชั่วโมงเหมือนคนปกติทั่วไป แต่แบ่งออกเป็น 5 รอบ ทุกคนอ่านไม่ผิดค่ะ 5 รอบจริงๆ แล้ว 24 ชั่วโมงเขาแบ่งเวลานอนยังไง
โรนัลโดจะนอนตอนกลางคืน 3-4 รอบ และงีบกลางวันอีก 1-2 รอบ โดยใน 1 รอบของการนอน จะใช้เวลารอบละประมาณ 90 นาที สะสมให้ได้ 7.30-8 ชั่วโมง แบบนี้ก็ถือว่าเพียงพอในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องนอนรวดเดียว และมีประโยชน์คือ ช่วยให้ร่างกายของโรนัลโดทำงานเต็มประสิทธิภาพ สดชื่นตลอดเวลา และมีผลต่อฟอร์มการเล่นของเขา
นี่คือตัวอย่างวิธีนอนของนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ที่น่าสนใจ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ถ้าจะลองทำตามอาจไม่สะดวกนัก ไหนจะต้องมาหลับๆตื่นๆตลอดทั้งวัน ไหนกว่าที่ร่ายกายจะปรับตัวได้ คงต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ใครถ้าอยากลองดูก็ไม่ว่ากันค่ะ
อยากฝากเทคนิคทิ้งท้ายเพื่อทำให้เราหลับสนิททั้งคืนค่ะ ลองทำตามวิธีนี้ดูนะคะ
- ไม่ควรมีสิ่งกระตุ้นก่อนนอน เช่น การดูภาพยนตร์สยองขวัญ ออกกำลังกายหนักก่อนนอน หรือ เล่นโทรศัพท์มือถือ
- เลี่ยงการดื่ม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอนอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- จัดสภาพแวดล้อมการนอนให้เหมาะสม ทั้งแสง เสียง อุณหภูมิ กลิ่นในห้องนอน แม้กระทั่งความสบายของที่นอน
- สำคัญที่สุด ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ปล่อยวางความเครียด
สุดท้าย ไม่ว่าเราจะเลือกรูปแบบการนอน หรืองีบหลับแบบไหน ผลลัพธ์ที่เราควรจะได้ คือ คุณภาพการนอนที่ดี ซึ่งจะมีผลช่วยแก้ปัญหาอาการบาดเจ็บ ความเหนื่อยล้า ความเครียด และทำให้เรามีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
ดังนั้น เราอย่ามองข้ามเรื่องการนอนนะคะ
--------------------
ที่มา