Highlights
--------------------
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนคือตลาดใหญ่สำหรับทุกอุตสาหกรรม ถึงขนาดมีคำกล่าวที่ว่า 'โลกเปลี่ยน เมื่อจีนขยับ'
เพราะปัจจุบัน จีนขยับขยายจากการเป็นโรงงานโลก กลายมาเป็นผู้บริโภคอย่างเต็มตัว เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หรือสินค้าลักชัวรี่ ซึ่งเฉพาะยอดขายในจีนก็สูงกว่าที่อื่น ๆ บนโลกรวมกัน
จึงไม่แปลกที่แบรนด์กีฬาต่าง ๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ สโมสร หรือลีกการแข่งขัน จะต้องการเข้าไปเปิดตลาดที่นั่น
แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ปี แบรนด์เหล่านี้กลับเริ่มพบว่าตลาดจีนนั้นไม่หอมหวาน และเฟื่องฟูเหมือนที่เคยคิดไว้
ไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน แต่ยังเริ่มขยับไปถึงผลกระทบทางสังคม การเมือง รวมถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนอาจนำไปสู่จุดที่แบรนด์เหล่านี้ต้องเลือกว่าจะอยู่หรือไปจากตลาดใหญ่แห่งนี้
ผู้บุกเบิก
บาสเกตบอล NBA น่าจะถือเป็นกลุ่มผู้บุกเบิกการเข้าไปทำตลาดในจีนของแบรนด์กีฬาจากซีกโลกตะวันตก
การแจ้งเกิดของ เหยา หมิง ในฐานะซูเปอร์สตาร์ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 คือจุดเริ่มต้นที่เปิดทางให้ NBA ได้เข้าไปจัดแมตช์ต่าง ๆ ที่นั่น
ในเวลาไล่เลี่ยกัน การแข่งขันรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ฟอร์มูล่า วัน ก็เข้าไปบุกเบิก และจัด ไชนีส กรังด์ปรีซ์ ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2004
ส่วนในวงการฟุตบอล เราก็ได้เห็นความพยายามของหลายสโมสรที่เปิดกว้างรับสปอนเซอร์จากจีน ขณะที่ อินเตอร์ ทีมระดับหัวแถวใน กัลโช่ เซเรีย อา ก็ถูกเทกโอเวอร์โดย จาง จินตง แห่ง ซูหนิง กรุ๊ป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยความเชื่อว่าตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโต มีกำลังซื้อสูง ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ
ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
กรณีที่เกิดขึ้นกับ NBA นั้นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ว่าต่อให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมากขนาดไหน ก็อาจพังทลายลงได้ จากความเห็นต่างทางการเมือง
สองปีก่อน ในช่วงที่การประท้วงในฮ่องกงกำลังระอุ แดรีล มอรีย์ ผู้จัดการทั่วไปของ ฮุสตัน ร็อคเกตส์ ซึ่งมีแฟนเบสจำนวนมากในจีน ทวีตข้อความสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่รุนแรงอย่างคาดไม่ถึง
สินค้าที่ระลึกของ ร็อคเกตส์ ถูกเก็บจากกร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ขณะที่โปรแกรมการถ่ายทอดแมตช์แข่งขัน ก็ถูกถอดออกจากแพลตฟอร์มและสถานีโทรทัศน์
แฟนกีฬายัดห่วงชาวจีนรุมถล่ม NBA บนโซเชียลมีเดียอย่างหนัก จนสุดท้ายทางลีกต้องออกแถลงการณ์ ซึ่งหลายฝ่ายตีความว่าเป็นการ "ขอโทษ" สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น
เรื่องทำท่าจะจบ แต่นั่นกลายเป็นการจุดประเด็นให้ซีกโลกตะวันตกเดือดขึ้นมาแทน เพราะเห็นว่าการขอโทษจีน เท่ากับยอมรับว่าทวีตสนับสนุนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยของ มอรีย์ เป็น "สิ่งที่ผิด"
ในสหรัฐฯ ก็มีเสียงเรียกร้องเช่นกัน นำโดย อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ หรือ AOC นักการเมืองดาวรุ่งของเดโมแครต ให้ NBA แสดงท่าทีที่ชัดเจนกว่านี้ เพื่อสนับสนุนว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับลีก สามารถแสดงความเห็นในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเสรี
จนสุดท้าย ไมค์ เบส โฆษกของ NBA ต้องแถลงว่าเป็นสิทธิ์ของ มอรีย์ ในการแสดงความเห็นทางการเมือง แม้อาจสุ่มเสี่ยงว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของ ร็อคเกตส์ หรือแม้แต่ NBA ก็ตาม
มาร์ค เดรเยอร์ นักวิเคราะห์ของ China Sports Insider ในกรุงปักกิ่ง กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า "ถ้าคุณทำให้ทั้งสองฝ่ายโกรธ นั่นแปลว่ามันไม่มีตรงกลางให้เลือก ซี่งจะเป็นปัจจัยสำคัญมาก"
เทียบกับในหลาย ๆ กรณีแล้ว มอรีย์ ถือว่าโชคดีกว่ามากที่ยังมีเสียงสนับสนุน เมื่อเทียบกับ เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติตุรกี ซึ่งเคยแสดงความเห็นต่อการปฏิบัติกับชาวอุยกูร์ของทางการจีน
CCTV และ PP Sports ตัดสินใจระงับการถ่ายทอดทุกแมตช์ที่ อาร์เซนอล ลงเล่น แม้ PP Sports จะผ่อนปรนในภายหลัง แต่จะไม่เอ่ยถึง โอซิล ต่อให้เจ้าตัวลงสนามก็ตาม
แรงกดดันต่อ โอซิล ยังมากขึ้นเรื่อย ๆ อวาตาร์ ในวิดีโอเกมที่วางขายในจีนถูกลบทิ้ง เสิร์ชเอนจินในจีนถอดข้อมูลหรือข่าวที่เกียวกับกองกลางรายนี้ออกทั้งหมด
ขณะที่ อาร์เซนอล ในฐานะต้นสังกัด ก็เลือกที่จะ "ลงโทษ" นักเตะรายนี้
ตั้งแต่การถอดสินค้าที่ระลึกที่มีชื่อ โอซิล ทั้งหมดออกจากล็อตฉลองเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ มิเคล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมก็ถอดนักเตะรายนี้ออกจากทีม โดยให้เหตุผลแค่ว่า "เป็นการตัดสินใจของตน"
ตลกร้ายในเวลานั้น คือสโมสร หรือแม้แต่ทางพรีเมียร์ลีกเอง แสดงท่าทีสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter ซึ่งเป็นการเรียกร้องความเท่าเทียมเช่นกัน แต่กลับเลือกที่จะเงียบในกรณีของชาวอุยกูร์ และลงโทษ โอซิล เพื่อเอาใจตลาดในจีนแทน
แรงต้านจาก WTA
ขณะที่แบรนด์ใหญ่ อย่าง ไอโอซี, NBA หรือ พรีเมียร์ลีก อ่อนน้อมให้กับแรงกดดันจากจีน
สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง หรือ WTA คือตัวอย่างขององค์กรที่กล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับแผ่นดินใหญ่ ทั้งที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการเข้าไปตีตลาดที่นั่นได้ไม่นาน
WTA แสดงจุดยืนชัดเจน เมื่อทางการจีนไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันได้ว่า "เจ้าหญิงแห่งวงการเทนนิสของจีน" เผิง ช่วย ยังคงปลอดภัยดี หลังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่เปิดเผยว่าเธอมีความสัมพันธ์ในฐานะมือที่สามกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของรัฐบาล
แม้จะมีภาพว่าเธอได้วิดีโอคอลกับ โธมัส บาค ประธานไอโอซี ปรากฏตามสื่อแล้ว แต่หลายฝ่ายก็ยังเชื่อว่า เผิง อาจถูกควบคุมตัวอยู่ และเป็นที่รู้กันว่าคณะกรรมการโอลิมปิกสากลกับรัฐบาลจีนนั้น “มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
ไซมอน แชดวิค ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจกีฬานานาชาติของ Emlyon Business School ให้ทรรศนะถึงเรื่องนี้ ว่าประกอบด้วยส่วนผสมของการเมือง ศีลธรรม และเศรษฐศาสตร์ และเป็นสัญญาณเตือนว่าการปะทะกันทางความคิด ระหว่างจีนกับประเทศประชาธิปไตยในโลก กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
และนั่นคือสิ่งที่องค์กร ธุรกิจ สปอนเซอร์ ฯลฯ จะถูกบีบให้ต้อง "เลือกข้าง" ในที่สุด เหมือนที่ สตีฟ ไซมอน ซีอีโอของ WTA ประกาศว่าพร้อมถอนทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ออกจากจีนทั้งหมด หากทางการจีนไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เผิง ยังปลอดภัยดี
ในมุมของ เดรเยอร์ นั้น เหตุผลหนึ่งที่ WTA ตัดสินใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น คือความสัมพันธ์กับแฟนกีฬาจีนที่ยังไม่แนบแน่นพอ เพราะหลังจากเพิ่งเข้ามาเปิดตลาดได้ไม่นาน ก็ต้องเจอผลกระทบจากโควิดทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก
นอกจากนี้ ทางการจีนเพิ่งสั่งลบเนื้อหาทุกอย่างที่เอ่ยถึง เผิง บนโลกโซเชียล ซึ่งรวมถึงความเห็นจากโลกภายนอกถึงเรื่องนี้ด้วย แปลว่าแฟนกีฬาชาวจีนจะแทบไม่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของ WTA ที่เรียกร้องหลักฐานจากทางการจีนเลย
ตลาดที่ไม่เปิดกว้างเหมือนเดิม
แต่ในอนาคตอันใกล้ WTA อาจไม่ใช่องค์กรกีฬาเดียวที่ตีตัวออกจากจีนก็ได้ ถ้าพิจารณาจากความเข้มงวดของทางการจีนในระยะหลังที่ครอบคลุมไปในทุกด้าน จนถูกขนานนามว่าเป็น 'การปฏิวัติวัฒนธรรม 2.0'
ขณะที่ความเฟื่องฟูของตลาดจีนที่แบรนด์เหล่านี้เคยตั้งความหวังไว้ ก็ไม่สวยหรูอย่างที่คิด
ซูหนิง กรุ๊ป ของ จาง จินตง ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อ อินเตอร์ ที่ จาง เป็นเจ้าของสโมสร จน อันโตนิโอ คอนเต ตัดสินใจอำลาทีม ทั้งที่เพิ่งคว้าแชมป์ เซเรีย อา มาครอง เช่นเดียวกับนักเตะสำคัญอย่าง โรเมลู ลูกากู และอื่น ๆ ที่ทยอยถูกขายออกไป เพื่อประคับประคองการเงินของสโมสร
สัญญาถ่ายทอดสดเกมพรีเมียร์ลีกมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง PPTV ถูกยกเลิกก่อนกำหนด ขณะที่ Tencent ซี่งเข้ามารับช่วงต่อ ก็จ่ายค่าลิขสิทธิ์ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม จนกระทบต่อรายได้ของสโมสรต่าง ๆ ไปด้วย
แชดวิค มองว่าตอนนี้แบรนด์กีฬาจากซีกโลกตะวันตก เริ่มพบแล้วว่าการเข้าไปทำตลาดในจีน ไม่สวยหรูอย่างที่คิดไว้ตอนแรก เพราะนอกจากจะไม่พร้อมทุ่มเงินเหมือนที่ประกาศไว้แล้ว หลายรายยังมีข้อจำกัดและเงื่อนไขอีกมากมายที่ทำงานด้วยยาก
และในท้ายที่สุด แบรนด์เหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ทยอยตีจากตลาดจีนไป เมื่อพบว่าจีนที่เคยอ้าแขนต้อนรับทุกคนบนโลก เหมือนที่เคยทำในปักกิ่งเกมส์ 2008 กับจีน ณ ปัจจุบันที่กำลังทำธุรกิจด้วยนั้น แตกต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
--------------------
SOURCE