svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

10 ห้องสมุดที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก คงกลิ่นวินเทจสุดคลาสสิก

29 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รวม 10 อันดับห้องสมุดและร้านหนังสือทั่วโลกที่ดีไซน์สุดปัง ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกจนเกิดเป็นแลนด์มาร์กดึงเม็ดเงินได้มากมายมหาศาล

Highlights

  • ห้องสมุดและร้านหนังสือทั่วโลกที่ได้รับการยกย่องว่าสถาปัตยกรรมและการออกแบบสวยติดตาตรึงใจดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก
  • ในเอเชียเองก็มีห้องสมุดที่เสมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟ ดึงดูดนักท่องเที่ยววันละกว่าหนึ่งหมื่นคน

--------------------

          ในปัจจุบันสถาปัตยกรรมและการออกแบบของห้องสมุดที่เราพบเห็นได้จนชินตาส่วนใหญ่ล้วนตกแต่งด้วยบานกระจกเพื่อให้เห็นถึงความโมเดิร์นทันสมัย ประกอบกับตัวอักษร sans serif บางๆ ที่ทำให้เกิดความมินิมอลถูกใจวัยรุ่นเป็นอย่างมาก การออกแบบห้องสมุดในปัจจุบันไม่ได้มีความผิดแปลกแต่อย่างใด แน่นอนว่ามีความสวยงามชวนมองอยู่ไม่น้อย แต่ยังมีห้องสมุดทั่วโลกอีกมากมายที่การออกแบบและตกแต่งยังคงกลิ่นอายวินเทจ บุด้วยพื้นไม้สุดคลาสสิก และที่สำคัญคือแม้ว่าห้องสมุดเหล่านี้จะไม่ได้ตกแต่งให้มีความร่วมสมัยแต่กลับได้รับการจัดอันดับให้เป็นห้องสมุดที่สวยและดีที่สุดในโลก

 

1. Juristische Bibliothek, Munich  
ภายในหอสมุด Juristische Bibliothek           ห้องสมุดกฎหมายแห่งมิวนิค (The Law Library of Munich หรือ Juristische Bibliothek München)  เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในเมืองจากแคว้นบาวาเรียอย่างมิวนิค ห้องสมุดก่อตั้งขึ้นในปี 1843โดยเริ่มจากการเป็นห้องสมุดของเทศบาล และตั้งอยู่ในพื้นที่แสนโอ่อ่า ณ ศาลาว่าการแห่งใหม่ที่ มาเรียนปลาทซ์ (Marienplatz) หรือ จัตุรัสพระแม่มารี โดยห้องสมุดถูกออกแบบโดยสถาปนิก Georg von Hauberrisser ตั้งแต่ปี 1960 

 

          ในช่วงเวลาทำการ ห้องสมุดยังเปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ ไม่ได้จำกัดเฉพาะนักศึกษาวิชากฎหมาย นักเรียนนักศึกษาหรือประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้บริการห้องสมุดได้ แถมยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมของศาลากลางแห่งเมืองมิวนิคด้วย

2. Royal Portuguese Cabinet of Reading, Rio de Janeiro  
Royal Portuguese Cabinet of Reading           แม้ว่าห้องสมุด Royal Portuguese Cabinet of Reading จะก่อตั้งขึ้นในปี 1837 แต่การก่อสร้างกลับเริ่มขึ้นเกือบ 50 ปีให้หลังในปี 1880 โดยสถาปนิกชาวโปรตุเกส Rafael da Silva ความคิดริเริ่มในการก่อตั้งห้องสมุดนี้มาจากกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวโปรตุเกส 43 คนที่ต้องการเผยแพร่วัฒนธรรมและวรรณกรรมให้กับสังคมชาวโปรตุเกสด้วยกันที่อพยพมาอาศัยยังแผ่นดินบราซิล

 

          ห้องสมุดถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ neo-manueline ตกแต่งภายนอกด้วยปติมากรรมจาก Limestone หรือหินปูนที่ปั้นขึ้นตามนักสำรวจจากแดนฝอยทองอย่าง Pedro Alvares Cabral, Luis de Camoes, Infante D. Henrique, และ Vasco da Gama 

 

          Royal Portuguese Cabinet of Reading เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้ตั้งแต่ปี 1900 และด้วยความกว้างใหญ่ของห้องสมุดจึงสามารถเก็บหนังสือได้กว่า 350,000 เล่ม 

 

3. Livraria Lello, Porto 
Livraria Lello, Porto           ไม่แปลกใจเลยที่ Livraria Lello จะเป็นหนึ่งในร้านขายหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดและสวยที่สุดบนโลกใบนี้จุดกำเนิดของร้านหนังสือที่แสนวิลิศมาหรานี้ต้องย้อนไปยังไป 1881 เมื่อสองพี่น้อง Lello อย่าง José และAntónio เปิดตัวธุรกิจที่เน้นการตีพิมพ์และขายหนังสือ ถัดมาในปี 1894 ทั้งคู่ได้ลงทุนซื้อร้านหนังสือ Chardon และเริ่มขยับขยายธุรกิจต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1906 จึงได้เปิดตัว Livraria Lello ขึ้นมา 

 

          ราคาเข้าชมสำหรับ Livraria Lello จะอยู่ที่ 5 ยูโรหรือราวๆ 190 บาท แต่หากผู้เข้าชมสนใจซื้อหนังสือภายในร้านด้วยทางร้านก็จะคืนเงินค่าตั๋วให้เช่นกัน 

4. Acqua Alta Library , Venice  
Acqua Alta Library , Venice           Acqua Alta หรือที่สามารถแปลได้ว่าระดับน้ำสูง ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของเมืองเวนิสที่มักประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง ร้านหนังสือ Acqua Alta จึงได้หยิบชื่อนี้มาเป็นกิมมิคร้านเสียเลย โดยความพิเศษของทางร้านคือนอกจากจะขายหนังสือมือสองและสินค้าที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว ทางร้านได้นำอ่างอาบน้ำและเรือกอนโดล่ามาใช้เป็นที่วางหนังสือภายในร้านเพื่อป้องกันเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำๆในเมืองเวนิสอีกด้วย หากเกิดน้ำท่วมขึ้นมาแล้วล่ะก็เจ้าหนังสือทั้งหลายจะลอยคออยู่บนเรือและอ่างอาบน้ำ การันตีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

 

          อีกหนึ่งความโดดเด่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยคือทางร้านได้มีการนำหนังสือที่เสียหายจากการถูกน้ำท่วมในอดีตมาเรียงรายเป็นผนัง เคล้ากลิ่นอายความวินเทจแห่งประวัติศาสตร์ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถแวะเวียนมานั่งเล่น ถ่ายรูป และได้หนังสือติดมือกลับไปไม่มากก็น้อย

 

5. Library of Trinity College Dublin, Dublin
Library of Trinity College Dublin, Dublin           ห้องสมุด Trinity College  ถือเป็นห้องสมุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไอร์แลนด์ ก่อตั้งในปี 1592 โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 และสำหรับตัววิทยาลัย Trinity College เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะสถานศึกษาที่กวีชาวไอริชอย่าง Oscar Wilde และนักประพันธ์อย่าง Samuel Beckett สำเร็จการศึกษามา

 

          ห้องโถงขนาดยาวที่เราเห็นในภาพมีความยาวถึง 65 เมตร ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1712 ถึง 1732 และสามารถเก็บหนังสือได้ถึง 200,000 เล่ม ภายในห้องสมุดและชั้นวางหนังสือถูกบุด้วยแผ่นไม้มาเป็นอย่างดี ทำให้ห้องสมุดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่สวยงามและน่าทึ่ง ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ผู้ที่สนใจอาจต้องเผื่อเวลาเดินทางและเวลาต่อคิวกันสักเล็กน้อย และในส่วนของค่าเข้าชมนั้นจะอยู่ที่ 10 ยูโรหรือราว 380 บาท

 

6. Armchair books, Edinburgh  
Armchair books, Edinburgh           Armchair Books เป็นร้านหนังสือมือสองที่ตั้งอยู่บริเวณถนน West Port ย่านเมืองเก่าแห่งเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์  ทางร้านได้รวบรวมหนังสือมือสองเอาไว้มากมาย แม้ทางตัวร้านอาจจะมีขนาดไม่กว้างมากแต่เมื่อไปถึงจะให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังผจญภัยอยู่ในอาณาจักรหนังสือ ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นมากมาย

 

          ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต้องอยู่ในสภาวะล็อกดาวน์ ทางร้านก็ได้ผุดไอเดีย cycle delivery หรือการส่งหนังสือตามบ้านโดยการปั่นจักรยาน ทางผู้จัดการของร้านจะรับออเดอร์รายชื่อหนังสือต่างๆผ่านระบบออนไลน์แล้วตระเวนส่งตามบ้านผ่านการใช้จักรยาน นอกจากจะตอบรับความต้องการของนักอ่านแล้วยังช่วยรักโลกไปพร้อมๆกันอีกด้วย

 

7. Tianjin Binhai Library, Tianjin  
Tianjin Binhai Library, Tianjin           หันกลับมาดูที่ฝั่งเอเชียกันบ้าง แน่นอนว่าในเอเชียเองก็มีห้องสมุดที่ดีไม่แพ้กับฝั่งยุโรปเช่นกัน หนึ่งในห้องสมุดที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าวกับ Tianjin Binhai Library ที่ตัวสถาปัตยกรรมมีความละม้ายคล้ายกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟสักเรื่องหนึ่ง ความหรูหราโอ่อ่าของห้องสมุดแห่งนี้สามารถจุหนังสือได้มากถึง 1.2 ล้านเล่มในพื้นที่ 5 ชั้น ถึงขนาดที่ว่าสำนักข่าว CCTV เรียกพื้นที่แห่งนี้ว่า “มหาสมุทรหนังสือ (Ocean of Books)” เลยทีเดียว

 

          รัฐบาลเมืองเทียนจินร่วมก่อสร้างห้องสมุดแห่งนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านวัฒนธรรมของเมือง และด้วยความร่วมมือของสถาปนิกสถาปนิกชาวเนเธอร์แลนด์จากบริษัท MVRD ทำให้ห้องสมุด Tianjin Binhai Library ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมือง ถูกพูดถึงไปในวงกว้างและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้วันละราวๆ 10,000 คน

 

8. Museum of Local History & Science, Görlitz 
Museum of Local History & Science, Görlitz           ห้องสมุดที่ดึงดูดสายตาแห่งนี้ตั้งอยู่ในพิพิธภัณพ์ Museum of Local History & Science ณ เมือง Görlitz เมืองทางทิศตะวันออกของประเทศเยอรมนี โถงหนังสือขนาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์และสวยงามถูกออกแบบและตกแต่งชั้นวางหนังสือด้วยไม้บีชเด่นหราบริเวณกลางห้องโถง เปรียบเสมือนภาพจำลองของเวทีการแสดง ตกแต่งและโอบล้อมไปด้วยหนังสือเก่ามากมายเปรียบเทียบได้ดั่งตัวเอกของการแสดงโชว์บนเวที เรียกได้ว่าน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ และทำให้ห้องสมุดแห่งนี้ติดอันดับหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก

 

9. Rijksmuseum, Amsterdam
ห้องสมุด Rijksmuseum           Rijksmuseum เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับศิลปะและประวัติศาสตร์ในอัมสเตอร์ดัม ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ ณ จุตรัสพิพิธภัณฑ์ (Museum square) ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แวนโกะ และแหล่งพิพิธภัณฑ์อีกมากมาย ที่รวบรวมคอลเลกชั่นต่างๆไว้มากกว่า 8,000 ชิ้น โดยในปีนึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาแวะเยี่ยมชมจากทั่วโลกราว 2.2-2.47 ล้านคน

 

          โดยห้องสมุดภายในพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก ที่สำคัญคือเป็นห้องสมุดสาธารณะที่เปิดให้ใช้บริการฟรี และมักจะมีผู้คนมานั่งทำงานและอ่านหนังสือกันอยู่แทบจะตลอดเวลา


10. Dujiangyan, Zhongshuge  
ร้านหนังสือ Dujiangyan, Zhongshuge           ร้านหนังสือ Dujiangyan Zhongshuge ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดินเข้าไปในตัวร้านจะให้ความรู้เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางทิวเขาหนังสือ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อหนังสือได้เป็นอย่างดี การออกแบบตัวอาคารได้แรงบันดาลมาจากประวัติศาสตร์ และลักษณะภูมิประเทศของเมือง โดยสถาปนิกได้ออกแบบชั้นหนังสือที่สะท้อนภาพถึงเขื่อนกั้นน้ำที่ชาวจีนริเริ่มสร้างมากว่า 2,000 ปี ให้สอดคล้องกับเมือง Dujiangyan ที่อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำมาอย่างยาวนาน และภายในร้านสามารถบรรจุหนังสือได้มากถึง 80,000 เล่มเลยทีเดียว

--------------------

ที่มา:

logoline