
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) อาร์เซนอล สามารถคว้าชัยชนะในศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ เหนือคู่ปรับตลอดกาล ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ไปอย่างขาดลอย 4-1 โดยมี เอเบเรชี่ เอเซ่ กองกลางทีมชาติอังกฤษ เป็นฮีโร่
เอเบเรชี่ เอเซ่ กองกลางทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นฮีโร่ของอาร์เซน่อล หลังระเบิดฟอร์มร้อนแรงซัดแฮตทริก พา “ปืนใหญ่” เปิดบ้านถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4-1 ในศึกนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ พร้อมขยับทิ้งห่างคู่แข่งขึ้นนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกถึง 6 คะแนน
เกมนี้นับเป็นบทที่เข้มข้นเป็นพิเศษสำหรับเอเซ่ หลังเจ้าตัวเคยเกือบย้ายไปสเปอร์สในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นคนที่ทำร้าย “ไก่เดือยทอง” ได้อย่างเจ็บปวดที่สุดต่อหน้าแฟนบอลที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
อาร์เซน่อลออกนำก่อนในนาทีที่ 36 จาก เลอันโดร ทรอสซาร์ ก่อนที่เอเซ่จะเริ่มโชว์ของด้วยประตูแรกในนาทีที่ 41 และใช้เวลาเพียง 23 วินาทีหลังเริ่มครึ่งหลัง ยิงประตูที่สองของตัวเองให้ทีมหนีเป็น 3-0 ด้วยการซัดด้วยเท้าซ้ายอย่างเฉียบขาด
เอเซ่ปิดฉากค่ำคืนอันสมบูรณ์แบบในนาทีที่ 76 ด้วยลูกปั่นโค้งสุดสวย กลายเป็นแฮตทริกแรกในอาชีพระดับทีมชุดใหญ่ของเขา และเป็นนักเตะอาร์เซน่อลคนแรกในรอบกว่า 40 ปี ที่ยิงแฮตทริกใส่สเปอร์สได้ นับตั้งแต่ปี 1978
“มันพิเศษมากจริงๆ คำพูดไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้เลย” เอเซ่กล่าวหลังเกม
สุดสัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงเวลาทองของอาร์เซน่อลอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้คู่แข่งลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างพลาดท่าแพ้ไปเมื่อวันเสาร์ ทำให้ตอนนี้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กลายเป็นตัวเต็งชัดเจนในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2004
แม้จะสู้ไม่ได้ในแง่ผลการแข่งขัน แต่ 1 ประตูที่สเปอร์สทำได้กลับถูกยกให้เป็น “ประตูยอดเยี่ยมของเกม” โดยมาจาก ริชาร์ลิซอน ที่เก็บบอลตกได้ก่อนจะชิพข้ามมือ ดาบิด ราย่า จากระยะไกลถึงราว 45 หลา ทำให้สกอร์ขยับมาเป็น 3-1 ในช่วงนั้น
อย่างไรก็ตาม เอเซ่ยิงประตูที่สี่ของตัวเองเพื่อยุติความหวังในการคัมแบ็กของทีมเยือนอย่างเด็ดขาด โดยเกมนี้เกิดขึ้นตรงกับช่วงครบ 3 เดือนพอดี หลังเขาย้ายจาก คริสตัล พาเลซ มาร่วมทีมอาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวเบื้องต้นที่รายงานกันว่าประมาณ 60 ล้านปอนด์
ฤดูกาลนี้ เอเซ่ถูกขยับมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลางแทน มาร์ติน โอเดการ์ด ที่บาดเจ็บ และกำลังพัฒนาฟอร์มการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง โดย มิเกล อาร์เตต้า กล่าวถึงลูกทีมรายนี้ว่า “เขาเป็นนักเตะระดับท็อป ที่สามารถสร้างช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์ และทำให้เกมของคู่แข่งเสียสมดุลได้”
ฝั่งสเปอร์ส กูเยลโม่ วิคาริโอ นายทวารของทีมออกมาขอโทษแฟนบอลกับผลงานที่น่าผิดหวัง โดยยอมรับว่า “ในฐานะทีม เราไม่สู้เลย”
ขณะที่กุนซือ โธมัส แฟรงค์ ซึ่งเลือกใช้ระบบกองหลัง 5 คนในเกมนี้ แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง กล่าวว่า “มันเป็นความพ่ายแพ้ที่ยากจะรับได้ และเจ็บปวดอย่างมากที่จะต้องมายืนตรงนี้หลังฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นกับทีมที่เราไม่ควรเล่นแย่ที่สุด มันคือพายุแห่งความเลวร้ายที่สมบูรณ์แบบ”
อีกคู่ที่น่าสนใจ แอสตัน วิลล่า พลิกสถานการณ์บุกชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-1 โดย มอร์แกน โรเจอร์ส เพลย์เมเกอร์ฟอร์มแรงของวิลล่า โชว์ฟอร์มเด่นสมราคานักเตะทีมชาติอังกฤษ
โรเจอร์ส เพิ่งกลับมาจากทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเขากำลังเบียดให้นักเตะชื่อดังอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม หลุดจากตัวจริง และในเกมนี้เขาพิสูจน์ให้เห็นถึงมาตรฐานฝีเท้าอย่างชัดเจน
เขายิงประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 48 จากการชาร์จจังหวะเปิดของ ดอนเยลล์ มาเล่น ก่อนจะโชว์เทคนิคสุดงามในนาทีที่ 75 ด้วยการปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม กลายเป็นประตูชัยให้ทีมเยือน
ก่อนหน้านี้ ลีดส์ออกนำก่อนในบรรยากาศที่เดือดดาลที่เอลแลนด์ โร้ด จากลูกยิงระยะเผาขนของ ลูคัส เมช่า หลังจาก เอซรี คอนซ่า เคลียร์บอลออกจากเส้นได้แต่ไม่ขาด มีการเช็ก VAR ว่ามีการรบกวน เอมี มาร์ติเนซ หรือไม่ แต่ผู้ตัดสินยืนยันให้เป็นประตู
โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน เกือบตีเสมอให้ลีดส์ได้หลังจากนั้น แต่ประตูถูกยกเลิกเนื่องจากแฮนด์บอล
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ แอสตัน วิลล่า คว้าชัยชนะเป็นเกมที่ 6 จาก 7 นัดหลังสุดในลีก หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการไม่ชนะใครเลยใน 5 นัดแรก และขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 4 ของตาราง
ขณะที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ฟอร์มดิ่งหนัก แพ้ถึง 5 จาก 6 เกมหลังสุด และหล่นลงไปอยู่ในโซนตกชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
-------