
KEY
POINTS
ศึกตัดสินแชมป์กลุ่ม A ใน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนยุโรป กำลังรออยู่ในคืนวันจันทร์นี้ เมื่อ เยอรมนี และ สโลวาเกีย ต้องมาวัดกันแบบตรง ๆ ผู้ชนะจะคว้าแชมป์กลุ่มพร้อมคว้าตั๋วลุยเวิลด์คัพแบบอัตโนมัติ โดย “อินทรีเหล็ก” ขอเพียงผลเสมอ แต่หากเป็นทีมเยือนที่บุกมาคว้าชัยถึงไลป์ซิกได้ พวกเขาจะแซงหน้าคว้าตั๋วไปแทนทันที
เยอรมนีกำลังมั่นใจหลังบุกคว้าชัยเหนือลักเซมเบิร์ก 2-0 โดยเป็น นิค โวลเทอมาเดอ กองหน้าจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่กดคนเดียวสองประตู ส่งทีมขึ้นนำกลุ่ม A ที่ 12 คะแนนเท่ากับสโลวาเกีย แต่เหนือกว่าด้วยผลต่างประตูได้เสีย
อย่างไรก็ดี เส้นทางของทีมของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะทั้งสองทีมต่างชนะ 4 แพ้ 1 เหมือนกันทุกประการ ที่สำคัญ เยอรมนีเคยพ่ายสโลวาเกีย 0-2 ในเกมเปิดสนามของรอบคัดเลือกชุดนี้ ก่อนจะกลับมาคว้าชัยรวด 4 นัดหลังสุดจากการพบไอร์แลนด์เหนือและลักเซมเบิร์ก
แม้อินทรีเหล็กจะเคยคว้าแชมป์โลกถึง 4 สมัย แต่ผลงานล่าสุดในเวทีนี้กลับน่าผิดหวัง หลังตกรอบแบ่งกลุ่มสองครั้งติด แม้จะการันตีแล้วว่าจบในสองอันดับแรกแน่นอน แต่ถ้าเกมนี้แพ้ พวกเขาจะต้องไปลุ้นต่อในรอบเพลย์ออฟทันที
ด้านสโลวาเกีย ทีมของ ฟรานเชสโก คัลโซนา เดินหน้าสร้างความหวังให้แฟนบอล หลังเพิ่งเฉือนไอร์แลนด์เหนือ 1-0 จากประตูชัยช่วงท้ายเกมของ โทมาส์ บ็อบเช็ก ทำให้พวกเขายังอยู่ในเส้นทางแย่งตำแหน่งแชมป์กลุ่มแบบเต็มตัว หากบุกชนะเยอรมนีได้ก็จะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มโดยอัตโนมัติ แต่หากเสมอหรือแพ้ ต้องไปรอเพลย์ออฟเช่นกัน
สโลวาเกียมีสถิติน่าสนใจในการพบเยอรมนี โดยคว้าชัยได้ 4 จาก 12 ครั้งหลังสุด รวมถึงเก็บชัยใน 2 จาก 3 เกมล่าสุด ทำให้พวกเขามีเหตุผลมากพอที่จะเชื่อมั่นว่ามีลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์อีกครั้งในเกมนี้
เยอรมนี ยังไร้ผู้เล่นสำคัญหลายรายจากอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, จามาล มูเซียล่า และไค ฮาแวร์ตซ์ แต่ทีมก็ไม่พบปัญหาเพิ่มเติมจากเกมชนะลักเซมเบิร์ก
คาดว่า 11 ตัวจริงจะถูกปรับเล็กน้อย โดย โยชัว คิมมิช และ นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค พร้อมคืนสนามอีกครั้ง ขณะที่โวลเทอมาเดอยังยึดตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าต่อไป และ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ แข้งจากลิเวอร์พูล จะได้ออกสตาร์ตอีกนัด
ด้าน สโลวาเกีย พร้อมรบเกือบเต็มสูบ ดาวิด สเตรเลช ผู้ยิง 8 ประตูจาก 34 นัดให้ทีมชาติ จะยืนหน้าเป้าตามเดิม ส่วน มาร์ติน ดูบราฟก้า และ มิลาน สคริเนียร์ พร้อมเป็นแกนหลักในเกมรับ ขณะที่ ดาวิด ฮันช์โก้ จะยืนแบ็กซ้ายเหมือนเดิม
เกมรุกของพวกเขาคาดว่าไม่มีเซอร์ไพรส์ โดย เดวิด ดูริช และ โทมัส ริโก้ จะเป็นขุมกำลังสำคัญตามแผนของคัลโซนา
-----