
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป ปิดฉากลงแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยมีทั้งทีมที่ฉลองการคว้าตั๋วเข้ารอบอัตโนมัติ และทีมที่ต้องไปลุ้นในรอบเพลย์ออฟ
ทีมชาติโปรตุเกส แม้จะไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ถูกแบน แต่ก็สามารถถล่ม อาร์เมเนีย ไปอย่างขาดลอยถึง 9-1 ทำให้คว้าแชมป์กลุ่ม F ได้สำเร็จ และการันตีที่นั่งในศึก ฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐฯ, แคนาดา และเม็กซิโก
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ โรนัลโด้ (วัย 41 ปีในปีหน้า) จ่อทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 6 โดย โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ โค้ชโปรตุเกส ชื่นชมฟอร์มของทีมว่า "เราได้เห็นทีมของเรากลับมาอยู่ในจุดที่ดีที่สุด มุ่งมั่น สามัคคี และทำตามแผนการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม"
ด้าน ไอร์แลนด์ คว้าอันดับสองของกลุ่ม F และได้สิทธิ์ไปเพลย์ออฟ หลังพลิกสถานการณ์กลับมาชนะ ฮังการี อย่างสุดดราม่า 3-2 โดยได้ ทรอย แพร์ร็อตต์ ทำแฮตทริก รวมถึงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ในกลุ่ม I ทีมชาติอิตาลี อดีตแชมป์โลก 4 สมัย ต้องเผชิญความเสี่ยงอีกครั้ง หลังพลาดท่าพ่าย นอร์เวย์ คาบ้าน 1-4 ทำให้ นอร์เวย์ คว้าแชมป์กลุ่มและเข้ารอบอัตโนมัติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998 โดยได้ 2 ประตูจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งจะได้ไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในอาชีพ
ความพ่ายแพ้ทำให้อิตาลี ต้องไปลุ้นในรอบเพลย์ออฟอีกครั้ง หลังพลาดเข้าร่วมฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 สมัยติดต่อกัน (2018 และ 2022)
ทีมชาติอังกฤษ ที่เข้ารอบไปก่อนแล้ว ทำผลงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชนะรวด 8 นัด ในกลุ่ม K และ ไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว โดยนัดสุดท้ายเอาชนะ อัลเบเนีย 2-0 ได้ 2 ประตูจาก แฮร์รี่ เคน
ยูเครน คว้าอันดับสองในกลุ่ม D และได้ไปเพลย์ออฟ หลังเอาชนะ ไอซ์แลนด์ 2-0 ในนัดสุดท้าย ขณะที่ ฝรั่งเศส แชมป์กลุ่ม เอาชนะ อาเซอร์ไบจาน 3-1