
KEY
POINTS
ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนยุโรปกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย และแม้เวลานี้ “สิงโตคำราม” อังกฤษ จะเป็นทีมเดียวที่การันตีตั๋วไปอเมริกาเหนือเรียบร้อยแล้ว แต่ในอีกหลายกลุ่มยังเปิดกว้างเต็มไปด้วยความดราม่า ทั้งทีมใหญ่ที่ยังไม่ปลอดภัย และทีมม้ามืดที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์
-----
“อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ซึ่งไม่เคยพลาดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาก่อน กำลังเผชิญแรงกดดันมหาศาล หลังแพ้สโลวาเกียตั้งแต่นัดเปิดสนาม ทำให้ตอนนี้นำอยู่เพียงผลต่างประตูเท่านั้น
ลูกทีมของยูเลียน นาเกลส์มันน์ ต้องบุกชนะลักเซมเบิร์กในคืนวันศุกร์นี้ และภาวนาให้ไอร์แลนด์เหนือ (ที่การันตีเพลย์ออฟจากผลงานในเนชั่นส์ลีกแล้ว) สามารถยันเสมอหรือเอาชนะสโลวาเกียได้ เพื่อเปิดทางให้เยอรมนีจบอันดับหนึ่ง ก่อนจะเจอกันเองในเกมปิดกลุ่มที่ไลป์ซิกในคืนวันจันทร์ ซึ่งอาจกลายเป็น “แมตช์ชี้ชะตา” ของกลุ่มนี้
-----
สวิตเซอร์แลนด์จะการันตีตั๋วไปฟุตบอลโลกทันที หากทำผลงานในบ้านกับสวีเดนได้ดีกว่าโคโซโวที่ต้องออกไปเยือนสโลวีเนียในวันเสาร์นี้ เนื่องจากพวกเขามีผลต่างประตูเหนือกว่าแบบขาดลอย
อย่างไรก็ตาม หากโคโซโวปิดช่องว่าง 3 แต้มได้สำเร็จ เกมสุดท้ายที่พวกเขาจะเปิดบ้านรับสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองพริสตินา วันอังคารหน้า จะกลายเป็นศึกชี้ชะตา ส่วนสวีเดนของกุนซือคนใหม่ แกรม พ็อตเตอร์ แม้โอกาสเข้ารอบอัตโนมัติน้อย แต่ยังมีสิทธิ์เพลย์ออฟจากผลงานในเนชั่นส์ลีก
-----
กรีซและเบลารุสตกรอบไปแล้ว เหลือแค่เดนมาร์กกับสกอตแลนด์ที่ต้องลุ้นอันดับหนึ่ง โดยสกอตแลนด์ของสตีฟ คลาร์กเป็นรองผลต่างประตู ทำให้เกมบุกเยือนเอเธนส์วันเสาร์นี้ต้องมีแต้ม เพื่อยื้อการลุ้นแชมป์กลุ่มไปถึงเกมสุดท้าย ที่จะเปิดบ้านพบเดนมาร์กในแฮมป์เดน พาร์ค วันที่ 18 พฤศจิกายน
-----
“ตราไก่” ฝรั่งเศส การันตีเพลย์ออฟจากเนชั่นส์ลีกแล้ว และจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มทันทีหากเอาชนะยูเครนในปารีสวันพฤหัสบดี แม้แค่เสมอก็แทบจะเพียงพอ เพราะพวกเขามีแต้มนำ 3 แต้มและผลต่างประตูดีกว่า 5 ลูก
หากฝรั่งเศสชนะ และไอซ์แลนด์บุกชนะอาเซอร์ไบจานในวันเดียวกัน ทีมจากแดนน้ำแข็งจะขึ้นมารั้งที่สองชั่วคราว ก่อนพบยูเครนในวอร์ซอว์วันอาทิตย์ ขณะที่อาเซอร์ไบจานยังมีความหวังเล็ก ๆ หากชนะสองนัดสุดท้ายและลบผลต่างประตูที่ตอนนี้ติดลบถึง 9 ลูกให้ได้
-----
“กระทิงดุ” สเปน ชนะรวด 4 นัดแรก และต้องการแค่ผลดีกว่าตุรกีในวันเสาร์นี้ (สเปนไปเยือนจอร์เจีย ขณะที่ตุรกีเปิดบ้านรับบัลแกเรีย) เพื่อการันตีแชมป์กลุ่ม หากได้ผลเท่ากันก็แทบจะเพียงพอ เพราะผลต่างประตูของสเปนดีกว่าถึง 12 ลูก
ตุรกีต้องการอย่างน้อยหนึ่งแต้มเพื่อการันตีเพลย์ออฟ และปิดท้ายรอบแบ่งกลุ่มด้วยการบุกเซบียาเจอสเปน ซึ่งพวกเขาเคยแพ้ 0–6 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
-----
ลูกยิงตีเสมอช่วงทดเจ็บของ โดมินิค โซโบซไล ในเกมกับโปรตุเกสเมื่อเดือนก่อน ทำให้ทีมของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซยังต้องรออีกนิด หากเก็บได้ 2 แต้มจากการไปเยือนไอร์แลนด์และเปิดบ้านรับอาร์เมเนีย ก็จะการันตีแชมป์กลุ่ม
ฮังการีที่ตามอยู่ 1 แต้มเหนือไอร์แลนด์ จะได้สิทธิ์เพลย์ออฟทันทีหากบุกชนะอาร์เมเนียวันพฤหัสฯ และไอร์แลนด์แพ้โปรตุเกส ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะต้องไปตัดสินกันในเกมสุดท้ายที่บูดาเปสต์
-----
โปแลนด์ยังมีหวังแซงเนเธอร์แลนด์ หากเอาชนะ “อัศวินสีส้ม” ของโรนัลด์ คูมัน ได้ในวอร์ซอว์วันศุกร์ และภาวนาให้ลิทัวเนีย (ที่ตกรอบแล้ว) ช่วยแบ่งแต้มในอัมสเตอร์ดัมวันจันทร์
เนเธอร์แลนด์ที่เสมอโปแลนด์มาในเดือนกันยายนชนะเกมอื่นเกือบทั้งหมด ขณะที่ฟินแลนด์ยังมีโอกาสเพลย์ออฟเล็กน้อย หากโปแลนด์แพ้ทั้งสองนัดสุดท้าย
-----
ออสเตรียต้องการเพียงชนะไซปรัสวันเสาร์ และลุ้นให้บอสเนียฯ ไม่ชนะโรมาเนีย ก็จะการันตีเข้ารอบทันที ขณะที่บอสเนียฯ ตามหลัง 2 แต้มและผลต่างประตูด้อยกว่า 8 ลูก
เกมปิดกลุ่มวันอังคาร บอสเนียฯ จะบุกเยือนออสเตรีย ส่วนโรมาเนียจะเปิดบ้านรับซานมารีโน ซึ่งอาจสร้างประวัติศาสตร์ได้เพลย์ออฟเป็นครั้งแรก หากโรมาเนียจบอันดับสอง
-----
นอร์เวย์นำอิตาลีอยู่ 3 แต้ม และหากชนะเอสโตเนียวันพฤหัสฯ ก็แทบการันตีไปฟุตบอลโลก เพราะผลต่างประตู +26 จากการยิง 29 ลูกใน 6 นัด แทบจะปิดประตูแซง
อิตาลีของเจนนาโร กัตตูโซ ต้องชนะทั้งสองนัด (เริ่มจากเยือนมอลโดวา) และภาวนาให้นอร์เวย์พลาด มิฉะนั้นจะต้องไปเพลย์ออฟเพื่อไล่ล่าตั๋วฟุตบอลโลกหนแรกนับตั้งแต่ปี 2014
-----
“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียมต้องการอีกแค่ชัยชนะเดียวจากสองนัดเพื่อการันตีเข้ารอบ โดยเริ่มจากเกมเยือนคาซัคสถานวันเสาร์ ก่อนปิดท้ายกับลิกเตนสไตน์
เวลส์กับมาซิโดเนียเหนือยังมีลุ้นทางคณิตศาสตร์ แต่เป้าหมายจริงคือจบอันดับสอง เวลส์ซึ่งได้สิทธิ์เพลย์ออฟจากเนชั่นส์ลีกแล้ว จะอยู่อันดับสองแน่นอนหากชนะลิกเตนสไตน์และมาซิโดเนียเหนือในสองเกมสุดท้าย โดยเฉพาะหากยิงลิกเตนสไตน์ขาดเกิน 6 ลูก พวกเขาอาจแค่เสมอเกมสุดท้ายก็เพียงพอ
-----
อังกฤษของโธมัส ทูเคิ่ล เป็นชาติแรกในยุโรปที่คว้าตั๋วฟุตบอลโลก 2026 ไปก่อนใคร แต่พวกเขายังมีบทบาทสำคัญในศึกแย่งอันดับสอง เพราะเซอร์เบียตามหลังแอลเบเนียแค่แต้มเดียว และต้องบุกเวมบลีย์วันพฤหัสฯ เพื่อรักษาโอกาส
หากแพ้และแอลเบเนียชนะอันดอร์รา เซอร์เบียจะตกรอบทันที แอลเบเนียเองยังต้องไปเยือนอังกฤษในเกมสุดท้าย ส่วนเซอร์เบียจะได้เล่นในบ้านกับลัตเวีย
-----
“ตาหมากรุก” โครเอเชียต้องการเพียงแต้มเดียวจากสองนัดสุดท้าย (พบหมู่เกาะแฟโรและมอนเตเนโกร) ก็จะไปฟุตบอลโลกอีกสมัย ส่วนเช็กตามหลัง 3 แต้มและผลต่างประตูด้อยกว่า 15 ลูก แม้ชนะยิบรอลตาร์ในเกมปิดกลุ่มก็แทบไม่เพียงพอ
หมู่เกาะแฟโรที่เพิ่งสร้างเซอร์ไพรส์ชนะเช็กในเดือนก่อน จะคว้าอันดับสองได้ หากพวกเขาทำผลงานดีกว่าเช็กในนัดสุดท้าย แม้จะเป็นโอกาสที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ก็ตาม
-----
พิธีจับสลากเพลย์ออฟจะมีขึ้นวันที่ 20 พฤศจิกายน โดย 12 ทีมอันดับสองจากทุกกลุ่ม จะรวมกับ 4 ทีมที่มีอันดับเนชั่นส์ลีกดีที่สุด (ซึ่งตอนนี้คือ เวลส์, โรมาเนีย, สวีเดน และไอร์แลนด์เหนือ)
ทั้ง 16 ทีมจะถูกจัดอันดับเป็น 4 สาย สายละ 4 ทีม แข่งแบบนัดเดียวรู้ผล ส่วนรอบรองฯ และรอบชิงฯ จะแข่งภายในเดือนมีนาคม เพื่อหาผู้ชนะ 4 ทีมสุดท้ายเป็นตัวแทนยุโรปสู่ฟุตบอลโลก 2026