
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดดราม่าในหลายสนาม โดยเฉพาะการสะดุดของจ่าฝูง อาร์เซนอล ที่ทำให้อนาคตการลุ้นแชมป์กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
อาร์เซนอล บุกไปทำได้เพียงบุกไปเสมอ ซันเดอร์แลนด์ 2-2 ซึ่งทำให้สถิติชัยชนะ 5 นัดติดต่อกันในลีก และ 10 นัดติดต่อกันในทุกรายการของทีมต้องสิ้นสุดลง
โดย อาร์เซนอล ไม่เสียประตูมาตั้งแต่เดือนกันยายน (9 เกมก่อนหน้า) แต่ก็มาเสียประตูแรกในรอบ 881 นาที ให้กับ แดน บัลลาร์ด อดีตนักเตะเยาวชนของทีมในนาทีที่ 36 ครึ่งหลัง อาร์เซนอลกลับมาแซงนำ 2-1 จากประตูของ บูกาโย ซาก้า และ เลอันโดร ทรอสซาร์ แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+4 ไบรอัน บร็อบบีย์ ตัวสำรอง อาศัยจังหวะชิงบอลจังหวะสองโหม่งประตูตีเสมอ 2-2
มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซนอล กล่าวว่า "ผมรู้สึกปวดในช่องท้องเลย ผมไม่อยากเสียประตู"
คู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยผลเสมอสุดมัน 2-2 ที่มีประตูเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บถึง 2 ลูก
แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นฝ่ายตามหลัง 2-1 ในนาทีที่ 90+1 จากลูกโหม่งของ ริชาร์ลิซอน แถมทีมยังเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เนื่องจาก เบนจามิน เซสโก้ ได้รับบาดเจ็บที่เข่า และทีมใช้โควตาเปลี่ยนตัวครบแล้ว แต่ในนาทีที่ 90+6 มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กองหลังชาวดัตช์ก็กลายเป็นฮีโร่ โหม่งจากลูกเตะมุมเข้าไปตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รักษาสถิติไร้พ่ายในลีกเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันได้
หลังจบการแข่งขันเมื่อคืนวันเสาร์ อาร์เซนอล ยังคงนำเป็นจ่าฝูงต่อไป โดยมี 26 คะแนน แต่ช่องว่างกับอันดับ 2 อย่าง เชลซี (ชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน) ถูกลดเหลือ 6 คะแนน ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 3) และ ลิเวอร์พูล (อันดับ 5) มี 19 และ 17 คะแนนตามลำดับ และเตรียมทำศึกบิ๊กแมตช์ในวันอาทิตย์นี้