
KEY
POINTS
เรอัล มาดริด เปิดบ้าน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คว้าชัยชนะเหนือคู่ปรับตลอดกาล บาร์เซโลนา ไปอย่างหวุดหวิด 2-1 ในศึก "เอล กลาซิโก" นัดแรกของฤดูกาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ชัยชนะนัดนี้ช่วยให้ มาดริด หยุดสถิติพ่ายแพ้ต่อบาร์ซ่า 4 นัดติดต่อกันได้สำเร็จ และฉีกหนีไปนำในตำแหน่งจ่าฝูง ลา ลีกา ห่างถึง 5 คะแนน หลังจากแข่งขันไป 10 นัด
-----
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าชาวฝรั่งเศส และ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางชาวอังกฤษ กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่พา มาดริด เก็บชัยชนะในค่ำคืนนี้
มาดริด ออกนำก่อนในนาทีที่ 22 จากการประสานงานของ เบลลิงแฮม ที่จ่ายให้ เอ็มบัปเป้ หลุดเข้าไปยิงอย่างเยือกเย็น ถือเป็นประตูที่ 11 ในลีกของ เอ็มบัปเป้ และเป็นประตูที่ 16 จาก 13 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ
บาร์เซโลนา ตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 38 จาก เฟร์มิน โลเปซ หลังความผิดพลาดในการเสียบอลของ อาร์ดา กือแลร์
เบลลิงแฮม ผู้ทำประตูแรกของฤดูกาลไปในเกม UCL นัดที่ผ่านมา มาทำประตูชัยให้ มาดริด ออกนำอีกครั้ง 2-1 ในนาทีที่ 43 จากจังหวะที่เขาเข้าซ้ำลูกโหม่งของ เอแดร์ มิลิเตา เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม เอ็มบัปเป้ พลาดโอกาสทำประตูที่สามในนาทีที่ 52 เมื่อยิงลูกจุดโทษไปติดเซฟของ วอยเชียค เชสนี่ นายทวารบาร์เซโลนา
เกม เอล กลาซิโก้ ในค่ำคืนนี้จบลงด้วยความตึงเครียดถึงขั้นมีผู้เล่นทั้งสองทีมเผชิญหน้ากันหลังจบเสียงนกหวีดยาว โดยเฉพาะจังหวะที่ เปดรี้ กองกลางบาร์เซโลนา ถูกใบแดงไล่ออกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
เหตุการณ์ปะทะคารมดำเนินต่อไปหลังจบเกม โดยมี วินิซิอุส จูเนียร์ แนวรุกมาดริด และ ลามีน ยามาล ดาวรุ่งบาร์เซโลนา เป็นคู่กรณีสำคัญ ซึ่ง วินิซิอุส ถูกผู้ตัดสินแจกใบเหลือง ส่วน อันเดรย์ ลูนิน ผู้รักษาประตูสำรองของมาดริด ก็ถูกใบแดงไล่ออกจากเหตุการณ์ปะทะกันหลังเกมนี้
ชาบี อลอนโซ่ โค้ชมาดริดกล่าวถึงเหตุการณ์หลังเกมว่า “มันเป็นช่วงเวลาและเป็นความตึงเครียดของการแข่งขันที่สำคัญและผลการแข่งขันที่ใกล้เคียง เราไม่ควรตีความหมายในเชิงลบมากเกินไป ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในกลาซิโก”