
KEY
POINTS
ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเริ่มจะเป็นรูปร่างให้เห็นกันชัดขึ้น แต่ถ้ามองเพียง “ผลการแข่งขัน” มันยังไม่สะท้อนทั้งหมดของสิ่งที่แต่ละทีมทำในสนามได้จริง เพราะสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ผลก็คือ “กระบวนการเล่น” ที่อยู่เบื้องหลัง และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยเปิดโปงความจริงข้อนั้นได้ดีที่สุดก็คือ สถิติ xG (Expected Goals)
xG คือค่าที่บอกว่า “แต่ละทีมควรจะยิงได้กี่ประตู” จากคุณภาพของโอกาสที่สร้างขึ้น ไม่ใช่แค่จำนวนลูกยิงทั้งหมด กล่าวง่าย ๆ คือ ทีมที่สร้างโอกาสคุณภาพดีและจำกัดการบุกของคู่แข่งได้ ก็มีแนวโน้มประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า แม้ผลการแข่งขันระยะสั้นอาจยังไม่เป็นไปตามนั้นก็ตาม
*** ดูตัวเลขสถิติของทุกทีม จาก Opta ได้ >> ที่นี่ <<
(การวิเคราะห์นี้ตัดลูกจุดโทษออกไป เพราะจะทำให้ข้อมูลบิดเบือน โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาลซึ่งจำนวนเกมยังน้อย)
จากสถิติของ Opta ชี้ชัดว่า อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือสองทีมที่ “เหนือกว่า” ทุกด้าน
อีกทีมที่น่าประทับใจคือ คริสตัล พาเลซ ซึ่ง xG บ่งบอกว่าพวกเขามีเกมรุกเฉียบคมพอจะเทียบชั้นกับทีมอย่างซิตี้ ส่วน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขา “แน่น” ไม่แพ้อาร์เซน่อลในเกมรับ
ตัวเลข xG ยังเผยให้เห็นภาพน่ากังวลของสองยักษ์ใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ที่มีเกมรุกติด 1 ใน 5 อันดับแรกของลีก แต่ในขณะเดียวกันแนวรับกลับอยู่ใน 5 อันดับสุดท้าย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสร้างโอกาสได้มาก แต่ก็เปิดพื้นที่ให้คู่แข่งโจมตีมากเช่นกัน
สำหรับ ลิเวอร์พูล ผลแพ้สองนัดติดหลังชนะรวด 5 เกม (นับเฉพาะเกมลีก) อาจสะท้อนภาพที่แท้จริงกว่า ว่าทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต ยังมีช่องโหว่ในสมดุลเกมรุก-รับ ขณะที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ต้องเล่นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะพวกเขาไม่ได้ครองเกมเหนือคู่แข่งเหมือนทีมระดับท็อป
ด้าน แอสตัน วิลล่า แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลย่ำแย่ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การจบสกอร์อีกต่อไป (ยิงได้ 6 ประตูจากค่า xG 6.0) หากแต่อยู่ที่ “รูปเกม” ที่ยังไม่ดีพอ
ส่วนทีมน้องใหม่อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด และ ซันเดอร์แลนด์ ปรับตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ เบิร์นลี่ย์ กลับดูจะยังไม่พร้อมกับพรีเมียร์ลีก ทั้งแนวรุกและแนวรับรั้งอันดับสุดท้ายของลีกตามค่า xG
แม้จะเป็น แมนฯยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ที่ยิงเฉลี่ยมากที่สุดในลีก (ราว 15 ครั้งต่อเกม) แต่ แมนฯซิตี้ และ คริสตัล พาเลซ กลับมีเกมรุกดีที่สุด เพราะพวกเขาสร้าง “โอกาสที่มีคุณภาพสูงกว่า” โดยค่าเฉลี่ย xG ต่อหนึ่งลูกยิงอยู่ที่ 0.14 ซึ่งหมายถึง โอกาสยิงแต่ละครั้งมีโอกาสเป็นประตูถึง 14% ในขณะที่ทีมอย่างยูไนเต็ดหรืออาร์เซน่อลอยู่เพียงราว 10%
กรณีของ เบรนท์ฟอร์ด ก็เป็นตัวอย่างน่าสนใจ เพราะพวกเขายิงน้อย (เฉลี่ยเพียง 8 ครั้งต่อเกม) แต่ว่าแต่ละโอกาสที่ทำได้นั้นมีคุณภาพสูงจนทำให้เกมรุกโดยรวมอยู่ระดับกลางตาราง
ด้านเกมรับ ตัวเลขชัดเจนว่า อาร์เซน่อล และ นิวคาสเซิ่ล คือสองทีมที่ยืนพื้นแน่นที่สุด ทั้งในแง่จำนวนลูกยิงที่ปล่อยให้คู่แข่งทำได้ (น้อยที่สุดในลีก) และคุณภาพของโอกาสที่เปิดให้คู่แข่งยิง ซึ่งต่ำมาก หมายความว่าแทบไม่มีช่องให้คู่แข่งได้ลุ้นจบสกอร์ชัด ๆ
แต่สองทีมที่หลุดกราฟอย่างชัดเจนคือ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เบิร์นลี่ย์
แม้ “ปีศาจแดง” จะดูเหมือนเหนียวแน่นจากสถิติ เพราะเสียโอกาสให้คู่แข่งเพียง 9.1 ครั้งต่อเกม เป็นรองแค่อาร์เซน่อลกับนิวคาสเซิ่ล ทว่าในความจริง ตัวเลข xG ต่อการยิงที่โดนอยู่ที่ 0.16 ซึ่งหมายความว่าคู่แข่งได้โอกาสยิงที่ “มีโอกาสเป็นประตูมากที่สุด” ในลีก ขณะที่เบิร์นลี่ย์เสียโอกาสถึง 18.4 ครั้งต่อเกม สูงกว่าทีมอื่นถึง 4 ครั้ง แม้คุณภาพของโอกาสเหล่านั้นจะไม่สูงเท่าก็ตาม
สุดท้าย ถ้าดูช่องว่างระหว่าง “ผลการแข่งขันจริง” กับ “ผลที่คาดตาม xG” จะเห็นว่า ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คือทีมที่ร้อนแรงเกินจริงที่สุดในลีกตอนนี้ พวกเขายิงได้มากกว่าที่ควรจะเป็นถึง 5 ประตู จากโอกาสที่มี และผู้รักษาประตู กุยเยลโม่ วิคาริโอ ก็ป้องกันประตูไว้ได้มากที่สุดในลีก (ช่วยทีมเซฟได้แบบเกินความคาดหมายไป 2.9 ประตู)
แม้ตัวเลขนี้จะสะท้อนฟอร์มสุดยอดในระยะสั้น แต่ในระยะยาว โธมัส แฟรงค์ อดีตกุนซือสายสถิติจากเบรนท์ฟอร์ดที่เพิ่งเข้ามาคุมทีม คงรู้ดีว่าการ “เล่นเกินค่า xG” แบบนี้ไม่สามารถยั่งยืนได้ตลอดฤดูกาล
---
ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ของฤดูกาล แต่สถิติ xG เริ่มแสดงให้เห็นแนวโน้มของแต่ละทีมได้อย่างชัดเจน
ในโลกของฟุตบอล ผลลัพธ์คือทุกสิ่งก็จริง แต่ตัวเลขเหล่านี้แหละ ที่อาจจะบอกเราได้ว่า “อนาคต” แต่ละทีมกำลังจะเดินไปทางไหน
---
แปลและเรียบเรียงจาก:
Premier League Stats | Opta Analyst (theanalyst.com)
How have Premier League teams really started the season? - BBC Sport