svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ประวัติศาสตร์! พรีเมียร์ลีกทุบสถิติใช้เงินเสริมทัพทะลุ 3 พันล้านปอนด์ นำโด่งเหนือลีกอื่นในยุโรป

ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2025 สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดใช้จ่ายรวมของสโมสรในพรีเมียร์ลีกที่สูงถึงกว่า 3 พันล้านปอนด์ โดยเฉพาะ "ลิเวอร์พูล" ที่ใช้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์

KEY

POINTS

  • พรีเมียร์ลีกสร้างประวัติศาสตร์ใช้เงินเสริมทัพในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2025 ทะลุ 3 พันล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่า 4 ลีกใหญ่ในยุโรปรวมกัน
  • ลิเวอร์พูลทุบสถิติเป็นสโมสรที่ใช้เงินมากที่สุดในตลาดเดียวด้วยยอดรวม 415 ล้านปอนด์ แซงหน้าสถิติเดิมของเชลซี
  • การใช้จ่ายไม่ได้จำกัดแค่ทีมใหญ่ โดยทีมน้องใหม่อย่างซันเดอร์แลนด์ก็ทุ่มเงินสูงถึง 162 ล้านปอนด์เพื่อความอยู่รอดในลีก

วงการฟุตบอลอังกฤษยังคงเดินหน้าสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2025 สโมสรใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สร้างสถิติการใช้จ่ายรวมที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยยอดเงินรวมที่พุ่งทะลุ 3 พันล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหนือกว่ายอดรวมของ 4 ลีกใหญ่ที่เหลือในยุโรปรวมกันเสียอีก

ลิเวอร์พูลทุบสถิติ ใช้จ่ายเกิน 400 ล้านปอนด์

แม้ว่าในตลาดซื้อขายครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล จะไม่ได้มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แต่ในครั้งนี้พวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะดีลประวัติศาสตร์ในวันสุดท้ายที่คว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิล ด้วยค่าตัว 125 ล้านปอนด์ ทำให้ยอดรวมการใช้จ่ายของลิเวอร์พูลในซัมเมอร์นี้พุ่งสูงถึง 415 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติเดิมของเชลซีที่เคยทำไว้ 400 ล้านปอนด์ในตลาดปี 2023 และกลายเป็นสโมสรที่ใช้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดนักเตะเพียงครั้งเดียว

โจ ฮาร์ท อดีตผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี ให้ความเห็นผ่าน BBC Radio ว่า "เป็นการแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง การย้ายทีมและเงินที่พวกเขาทุ่มลงไปเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และพวกเขาก็ได้นักเตะที่ยอดเยี่ยมเข้ามามากมาย"

นอกจากลิเวอร์พูลแล้ว เชลซี และ อาร์เซนอล ก็เป็นอีกสองทีมที่ใช้เงินเสริมทัพอย่างมหาศาลเช่นกัน โดยใช้ไป 285 ล้านปอนด์ และ 255 ล้านปอนด์ ตามลำดับ

พรีเมียร์ลีกเงินสะพัดกว่าลีกอื่นในยุโรป

การใช้จ่ายมหาศาลของพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ยังทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างลีกในอังกฤษกับลีกอื่น ๆ ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกทุ่มเงินคว้านักเตะจากต่างแดน เช่น ลิเวอร์พูลที่คว้าตัว โฟลเรียน เวียร์ตซ์ จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, อูโก้ เอกิติเก้ จากไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต และ เจเรมี่ ฟริมปง จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

"เรากำลังเข้าสู่สถานการณ์ที่การใช้จ่ายของพรีเมียร์ลีกก้าวล้ำหน้าลีกอื่นไปมาก และกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศในตลาดนักเตะ จนลีกใหญ่ที่เหลืออย่างบุนเดสลีกา, ลา ลีกา, ลีกเอิง และเซเรีย อา กำลังจะกลายเป็น 'ลีกป้อนนักเตะ' ให้กับพรีเมียร์ลีก" พอล แมคโดนัลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายนักเตะจาก FootballTransfers.com กล่าว

ทีมน้องใหม่ทุ่มเงินสู้เพื่ออยู่รอด

ในสองฤดูกาลที่ผ่านมา สถิติการตกชั้นของทีมน้องใหม่จากแชมเปียนชิพเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในฤดูกาลนี้สามทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาต่างก็ทุ่มเงินอย่างหนักเพื่อรับมือกับความท้าทายนี้

ซันเดอร์แลนด์ ที่ห่างหายจากพรีเมียร์ลีกไปนานถึง 8 ปี กลับมาทุ่มเงินไปถึง 162 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นยอดการใช้จ่ายที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของสโมสรในลีก และมากกว่าแม้กระทั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ใช้ไป 152 ล้านปอนด์เสียอีก

นอกจากนี้ เบิร์นลีย์ และ ลีดส์ ก็ใช้เงินไปประมาณ 100 ล้านปอนด์ เช่นกัน ซึ่งเป็นการลงทุนที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะอยู่รอดในลีกสูงสุดให้ได้

-----

การใช้จ่ายในตลาดนักเตะครั้งนี้ได้สร้างสถิติใหม่และอาจส่งผลต่อการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องมาติดตามกันว่าการลงทุนมหาศาลนี้จะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ตามมาหรือไม่