
KEY
POINTS
เกาะติดศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ที่สหรัฐอเมริกา รอบ 16 ทีมสุดท้าย ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด โคจรมาพบกับ ม้าลาย ยูเวนตุส ขณะที่เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องดวลกับ มอนเตอร์เรย์ ยอดทีมจากเม็กซิโก เพื่อหาทีมที่ดีที่สุดเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ในศึกนัดนี้ถือเป็นแมตช์หยุดโลกที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามองเมื่อสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลยุโรปอย่าง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด และ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ต้องมาห้ำหั่นกันตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของรายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
เรอัล มาดริด จ่าฝูงของกลุ่ม H ผ่านเข้ารอบมาด้วยผลงาน 7 คะแนน จากการเสมอ อัล ฮิลาล 1-1 ในนัดแรก ก่อนจะกลับมาเก็บชัยชนะได้สองนัดรวดเหนือ ปาชูก้า และ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก โดยเฉพาะฟอร์มในเกมล่าสุดที่เอาชนะ ซัลซ์บวร์ก ได้อย่างขาดลอยถึง 3-0 ถือเป็นการเรียกความมั่นใจได้เป็นอย่างดี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง ชาบี อลอนโซ่ ที่เข้ามารับช่วงต่อเพื่อพาทีมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในฤดูกาลหน้า
ในขณะที่ ยูเวนตุส รองแชมป์จากกลุ่ม G แม้จะออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการถล่ม อัล ไอน์ 5-0 และชนะ วีดาด เอซี 4-1 แต่ก็มาพลาดท่าให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดสุดท้ายถึง 2-5 ทำให้ต้องเข้ามาเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างเรอัล มาดริดในรอบนี้
สำหรับสถิติการพบกันที่ผ่านมา 21 ครั้ง เรอัล มาดริด ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยด้วยการชนะ 10 ครั้ง เสมอ 2 และยูเวนตุสชนะ 9 ครั้ง โดยการพบกันครั้งล่าสุดต้องย้อนกลับไปในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2017-18 ที่ยูเวนตุสบุกมาชนะ 3-1 แต่เรอัล มาดริดก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ด้วยสกอร์รวม 4-3
เรอัล มาดริด คาดว่าจะได้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เซ็นเตอร์แบ็กตัวเก่งกลับมาลงสนามได้อีกครั้งหลังจากมีอาการตะคริวในนัดล่าสุด ส่วนซูเปอร์สตาร์อย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ยังไม่มีโอกาสลงสนามในรายการนี้เนื่องจากอาการป่วย ก็กลับมาซ้อมได้แล้วและอาจมีชื่อเป็นตัวสำรองในนัดนี้ นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้เล่นใหม่อย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ ดีน เฮาจ์เซน ที่เสริมทัพเข้ามา ขณะที่ผู้เล่นบาดเจ็บยังคงเป็น ดานี่ การ์บาฆาล, เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า, ดาวิด อลาบา, เอนดริค และ แฟร์กล็องด์ เมนดี้
ด้าน ยูเวนตุส ของกุนซือ อิกอร์ ทูดอร์ เตรียมปรับทัพหลายตำแหน่งจากเกมที่พ่ายแมนฯ ซิตี้ โดยจะส่ง เคเฟรน ตูราม กลับมาเป็นตัวหลักในแดนกลาง พร้อมกับส่ง เคนัน ยิลดิซ, ฟรานซิสโก คอนไซเซา และ ร็องดาล โคโล มูอานี ลงประจำการในแนวรุก ส่วนแบ็กซ้ายจะใช้บริการของ อันเดรีย กัมเบียโซ่
---
อีกคู่ที่น่าจับตามองเป็นการพบกันระหว่าง "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2023-24 และ มอนเตอร์เรย์ ทีมแกร่งจากลีกเม็กซิโก
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังคงรักษาฟอร์มดีต่อเนื่องมาจากช่วงท้ายฤดูกาลในบุนเดสลีกา โดยยังไม่แพ้ใครในรายการนี้ พวกเขาจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม F ด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 เก็บได้ 7 คะแนน แม้ฟอร์มการเล่นอาจจะยังไม่น่าประทับใจนัก โดยเฉพาะเกมแรกที่เสมอกับ ฟลูมิเนนเซ่ 0-0 แต่ก็สามารถเก็บชัยชนะเหนือ มาเมโลดี้ ซันดาวน์ส และ อุลซาน เอชดี ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการการันตีการเข้ารอบต่อไปได้ตามเป้าหมาย
ส่วน มอนเตอร์เรย์ รองแชมป์กลุ่ม E เข้ามาสู่รอบน็อกเอาต์ได้แบบไร้พ่ายเช่นกัน ด้วยผลงานเสมอ อินเตอร์ มิลาน และ ริเวอร์เพลท ก่อนจะปิดท้ายด้วยการถล่ม อุราวะ เร้ด ไดมอนด์ส 4-0 ทำให้แซงหน้า ริเวอร์เพลท เข้ารอบมาได้ในที่สุด ซึ่งเกมกับอุราวะถือเป็นเกมที่โชว์ฟอร์มได้ดุดันอย่างแท้จริง
ทั้งสองทีมยังไม่เคยพบกันในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการมาก่อน โดยเกมนี้จะเป็นการพบกันครั้งแรกของ ดอร์ทมุนด์กับทีมจากเม็กซิโก และเป็นครั้งแรกของมอนเตอร์เรย์กับทีมจากเยอรมนี
ดอร์ทมุนด์ จะยังคงต้องรอเช็กความฟิตของ ยูเลียน บรันด์ท ที่มีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ แต่ยังมีตัวเลือกในแนวรุกอย่าง มักซิมิเลียน ไบเออร์, โจวานนี่ เรย์นา และ ฌูเลียง ดูรันวิลล์ ที่พร้อมลงสนามทดแทน ส่วน เจมี่ บายโน-กิตเทนส์ ที่กำลังตกเป็นข่าวเตรียมย้ายไปเชลซี จะไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้
ด้าน มอนเตอร์เรย์ จะได้ ฮอร์เก้ โรดริเกซ กองกลางตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีม แต่ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมในนัดล่าสุดที่ถล่มอุราวะ ทำให้กุนซือ โดเมเนค ตอร์เรนต์ อาจเลือกใช้ผู้เล่นชุดเดิมต่อไป โดยมีตำนานอย่าง เซร์คิโอ รามอส ที่ทำหน้าที่กัปตันทีมและเป็นแกนหลักในแนวรับ รวมถึงสองอดีตดาวดังจากลา ลีกาอย่าง ลูคัส โอกัมโปส และ เซร์คิโอ กานาเลส ที่พร้อมลงมาสร้างความแตกต่างหากได้รับโอกาส
---
ถ่ายทอดสดทาง DAZN, MONO29 และ MONOMAX