"สตุ๊ตการ์ต" ถล่มบีเลเฟลด์ 4-2 คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล สมัย 4

เอ็นโซ มิลโลต์ เหมายิงสองประตู ขณะที่ นิก โวลเตอมาด้า และเดนิซ อุนดาฟ สองแนวรุกทีมชาติเยอรมนีต่างทำคนละประตู ช่วยให้ "สตุ๊ตการ์ต" ชนะ อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ 4-2 คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล เป็นสมัยที่ 4 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1997

“วันนี้เราสร้างประวัติศาสตร์ ผู้เล่นทุกคนควรภูมิใจกับผลงานที่พวกเขามอบให้เรา” อเล็กซานเดอร์ เวอร์เลอ ประธานสโมสรสตุ๊ตการ์ต กล่าว “คืนนี้คงไม่มีใครได้นอน!”

ฝั่งบีเลเฟลด์ แม้จะเป็นแชมป์ลีกา 3 และผ่านเข้าชิงบอลถ้วยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร รวมถึงเคยเขี่ยแชมป์เก่าอย่างไบเออร์ เลเวอร์คูเซนตกรอบมาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความผิดหวัง แม้กัปตันทีมชาวอเมริกัน มาเอล คอร์โบซ์ จะพยายามพาทีมสร้างเทพนิยายให้ได้ก็ตาม

ช่วงท้ายเกม บีเลเฟลด์ได้สองประตูปลอบใจจากลูกยิงของตัวสำรอง ยูเลียน คาเนีย และการทำเข้าประตูตัวเองของ โยชา วัคนอมาน จากฝั่งสตุ๊ตการ์ต ทำให้แฟนบอลบีเลเฟลด์ยังมีช่วงเวลาได้ร้องเพลงส่งท้ายก่อนหมดเวลา

บรรยากาศในสนามโอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 74,000 คนเต็มไปด้วยสีสัน แฟนบอลทั้งสองทีมต่างโชว์การแปรอักษรยิ่งใหญ่ก่อนเกม และไม่วายจุดดอกไม้ไฟตลอดทั้งเกม แม้จะมีประกาศขอความร่วมมือให้หยุดก็ตาม

หลังจบเกม ทั้งผู้เล่นและกุนซือ เซบาสเตียน เฮอเนส วิ่งไปฉลองกับแฟนบอลท่ามกลางแสงสีจากพลุและแฟลร์ โดยมีตำรวจและเจ้าหน้าที่สนามคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

สำหรับเฮอเนส การคว้าแชมป์ครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จต่อเนื่องหลังจากพาทีมจบอันดับ 2 ของบุนเดสลีกาเมื่อซีซั่นก่อน แม้ฤดูกาลนี้จะต้องเจอกับความท้าทายจากการเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และแพ้เกมลีกในบ้านถึง 6 นัดติดต่อกัน แต่สุดท้ายก็ปิดฤดูกาลได้สวยงามด้วยการชนะรวด 3 นัดสุดท้าย

“แม้ผลการแข่งขันจะไม่ได้เป็นใจเสมอ แต่เรารู้ว่าเรากำลังเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง เราเชื่อมั่นในตัวเองและอยู่รวมกันเป็นทีม และสุดท้ายผลลัพธ์ก็ตามมา” เฮอเนส กล่าวในห้องแถลงข่าว ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยการที่นักเตะสาดเบียร์ใส่เพื่อฉลองชัย
 

แชมป์เดเอฟเบ โพคาล หนนี้ ยังเชื่อมโยงไปถึงอดีตอีกด้วย เพราะคนสุดท้ายที่พาสตุ๊ตการ์ตคว้าแชมป์รายการนี้ก็คือ โยอัคคิม เลิฟ ในปี 1997 ซึ่งภายหลังกลายเป็นตำนานกุนซือทีมชาติเยอรมนีที่พาทีมคว้าแชมป์โลกในปี 2014

เกมนี้ สตุ๊ตการ์ตยังได้รับข่าวดีเมื่อ อันเจโล่ สติลเลอร์ กองกลางทีมชาติเยอรมนี หายเจ็บข้อเท้ากลับมาทันเวลา และมีบทบาทสำคัญด้วยการจ่าย 2 แอสซิสต์ในช่วง 30 นาทีแรกที่ทีมขึ้นนำ 3-0 โดยทุกประตูมาจากการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่ง ก่อนที่มิลโลต์จะมายิงปิดกล่องในนาที 66

ขณะที่บีเลเฟลด์ยังเหลือภารกิจอีกหนึ่งเกม นั่นคือการลงเล่นรอบชิงชนะเลิศศึกเวสต์ฟาเลีย คัพ กับทีมระดับดิวิชัน 4 อย่าง สปอร์ตฟรอยน์เด ล็อทเต ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเลื่อนมาเพราะภารกิจนัดชิงถ้วยใหญ่