
วันที่ 20 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯกทม. เพื่อหารือ และทวงถามกรณีการค้างชำระค่าใช้ประโยชน์ในที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณตลาดนัดสวนจตุจักร
ตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ร่วมกันดำเนินการตามนโยบาย
เร่งด่วนของรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน และเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มผู้ค้ารายย่อยภายในตลาดนัดจตุจักร และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้ใช้บริการในตลาดนัดจตจักร โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 กทม.ร่วมกับ รฟท.ได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ในการบริหารตลาดนัดจตุจักร ให้ รฟท.โอนความรับผิดชอบการบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร บนพื้นพื้นที่ 68 ไร่ 1 งาน 88ตารางวา ไปเป็นความรับผิดชอบของ กทม.และกำหนดอัตราค่าเช่าปีละ 169,423,250 บาท เป็นระยะเวลาเช่าไม่เกินปี พ.ศ. 2571 ทั้งนี้ กทม. ได้เริ่มบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมานั้น
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ ตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 มาตรา 40 (4) ดำเนินการและให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ ได้ติดตามการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด พบว่า กทม.ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 โดยนำพื้นที่ในตลาดนัดจดจตุจักรไปใช้ประโยชน์ให้ผู้อื่นเช่า และได้รับผลประโยชน์โดยการเก็บค่าเช่า แต่ กทม.กลับไม่ชำระค่าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรให้กับ รฟท. ทำให้การรถไฟฯเสียประโยชน์ เสียโอกาส จากการไม่ได้รับรายได้ค่าเช่าที่ดิน โดยที่ รฟท.ได้มีหนังสือติดตามสอบถามกับ กทม.มาโดยตลอด แต่กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของการรถไฟฯ สร.รฟท. จึงเตรียมเข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการ กทม.เพื่อยืนหนังสือและติดตามเรื่องการชำระค่าใช้ประโยชน์พื้นที่ในตลาดบัดจตุจักร ในวันพฤหัสบดีที่ 22 สิ่งหาคม 2567 เวลา 10.00 น.
นายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับทีมข่าวเนชั่นทีวีว่า หลังจากมีการลงนาม MOU ร่วมกันเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2561 รฟท. ได้ร่างสัญญาเช่าพื้นที่ และได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบภายใน 90 วัน ตามระเบียบขั้นตอน ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญาเช่าระหว่างกทม.กับ รฟท. ต่อมา กทม. อ้างว่ามีรายละเอียดบางส่วนไม่เป็นไปตามข้อตกลง จึงยังไม่มีการลงนามในสัญญาเช่า และพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา กระทั่ง รฟท.ไปยื่นฟ้องศาลเพื่อให้ กทม.ชำระค่าเช่า เนื่องจากภายหลัง กทม.เข้ามาบริหารจัดการตลาด มีการจัดเก็บค่าเช่าจากผู้ค่า แต่ไม่ยอมชำระค่าเช่าให้ รฟท. ตามที่ตกลง ซึ่งศาลชั้นต้น ก็ได้พิพากษาแล้วว่า ให้ กทม.จ่ายค่าเช่ากับ กับ รฟท. ซึ่ง กทม.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ หลายท่านคงทราบว่า รฟท. อยู่ในสภาวะขาดทุน รายได้ตอนนี้มาจากการเช่าที่ดิน หากได้เงินจากการเช่าที่ดิน อย่างน้อยก็จะมาช่วยแบ่งเบาภาระได้มากขึ้น