ครบรอบ 2 ปี "สรพงศ์ ชาตรี" สิ้นพระเอกตลอดกาล

"สรพงศ์ ชาตรี" หรือ "เอก" เดิมมีชื่อจริงว่า "พิทยา" ก่อนเปลี่ยนเป็น "กรีพงศ์ เทียมเศวต" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2492 เป็นชาวอำเภอมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจบการศึกษาชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนต่อที่วัดเทพสุวรรณ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ และมาบวชเรียนต่อที่วัดดาวดึงส์ จ.ธนบุรี หรือ กรุงเทพ กระทั่งวัย 19 ปี จึงได้ลาสิกขา

โดยเมื่อสึกออกมา "สุรพงศ์ โปร่งมณี" ได้ชักพา “สรพงศ์” ให้มารู้จักกับ "หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" และถูกชักชวนให้มาอยู่ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เข้าสู่เส้นทางบันเทิง ด้วยการเป็นนักแสดงตัวประกอบ เมื่อปี 2512  และเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง “นางไพรตานี” ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องมากสี

 

เมื่อได้เข้าสู่วงการบันเทิงแบบเต็มตัว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา จึงตั้งชื่อให้ใหม่เป็น "สรพงศ์ ชาตรี" สำหรับผลงานจอเงินเรื่องแรกเป็นตัวประกอบภาพยนตร์เรื่อง สอยดาว สาวเดือน ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2512 จากนั้นก็ได้รับบทเป็นนักแสดงประกอบเรื่อยมา

จนกระทั่งปี 2514 "สรพงศ์" ได้รับบทเป็นพระเอกแบบเต็มตัวในเรื่อง "มันมากับความมืด" ซึ่งเป็นผลกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม และ "สรพงศ์" ก็ได้รับบทที่กำกับโดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ตลอดมา จนทำให้มีผลงานการแสดงมากกว่า 500 เรื่อง และยังได้รับรางวัลอีกมากมาย
 

นอกจากผลงานการแสดงแล้ว "สรพงศ์" ยังฝากผลงานเพลงไว้ถึง 5 อัลบั้ม

• 2533 - อัลบั้ม หัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก สังกัด อาร์เอสโปรโมชั่น
• 2533 - อัลบั้ม เล็ดสะโก สังกัด อาร์เอสโปรโมชั่น
• 2536 - อัลบั้ม คนกันเอง สังกัด นิธิทัศน์โปรโมชั่น
• 2538 - อัลบั้ม ขาดคนอีสานแล้วจะรู้สึก
• 2540 - อัลบั้ม หัวใจเดาะ (นำเพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ มาร้องใหม่) สังกัด APS INTERMUSIC

นอกจากผลงานที่กล่าวมาข้างต้น แต่ในทางศาสนา "สรพงศ์" ยังได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี โดยตั้งอยู่ที่ ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักและเรียกกันติดปากว่า "วัดสรพงศ์" และเริ่มระดมผู้มีจิตศรัทธา มาร่วมกันช่วยก่อสร้างตั้งแต่ปี 2550 และภายในมูลนิธิดังกล่าว ยังได้ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อโต ขนาดความสูง 13 เมตร หนัก 61 ตัน

"สรพงศ์" ได้เสียชีวิตอย่างสงบ ในวันที่ 10 มี.ค. 2565 เวลา 15.51 น. ด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2565 โดยอายุย่าง 73 ปี 

โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2565 ณ เมรุชั่วคราว มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา