svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ผบ.ตร. ให้ 15 วัน สอบคดี ลุงเปี๊ยก พร้อมติวเข้ม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ตร.ทั่วประเทศ

22 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผบ.ตร. ติวเข้มตำรวจทั่วประเทศ ย้ำ ทำความเข้าใจ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ให้เวลา 15 วัน สอบคดี "ลุงเปี๊ยก" ด้าน "กัน จอมพลัง พาหลานสาวลุงเปี๊ยก ขอ ดีเอสไอ สอบตำรวจ สภ.อรัญประเทศ เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือไม่ พร้อมเหยื่ออีกราย ถูกแก๊งลูกตำรวจ ทำร้ายเสียชีวิตปี 65 แต่คดีไม่คืบ

22 มกราคม 2567 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผย ก่อนเริ่มประชุมผู้บริหาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ครั้งที่1/2567 (สัญจร) ว่า วันนี้ (22 ม.ค.) ประเด็นหลักในที่ประชุมฯ เน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ปี 2565 และ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

เพื่อสร้างความเข้าใจไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายว่า จากนี้การทำงานของตำรวจต้องทำงานภายใต้กฎหมาย มีแนวทางปฏิบัติต้องทำให้ถูกต้อง จะมาใช้ความรู้สึกเหมือนเดิมไม่ได้ หรืออ้างว่าไม่รู้ข้อกฎหมายไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

การประชุมวันนี้ เป็นการประชุมรวมทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำว่า การใช้ดุลยพินิจเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการสืบสวนสอบสวนนั้น ยุคใหม่การสืบสวนต้องมาด้วยพยานหลักฐานที่ถูกต้อง รอบคอบ หากรวดเร็วเกินไปจะเกิดข้อผิดพลาด

ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะมีการเน้นย้ำ เรื่องพ.ร.บ.อุ้มหายฯ กรณีนี้ต้องเอาพนักงานสอบสวนมาอบรมใหม่ ไม่ปล่อยให้เขาไปทำหน้าที่ตามยถากรรม ต้องให้ความรู้กับข้าราชการตำรวจในเรื่องนี้และไม่ใช่เฉพาะแค่ภาค 2 เท่านั้น แต่ต้องให้ทั้งประเทศปฏิบัติตามได้

ส่วนกรณีของ นายปัญญา คงแสนคำ หรือ ลุงเปี๊ยก ที่ถูกบังคับรับสารภาพในคดีฆาตกรรม นางบัวผัน ตันสุ หรือ ป้ากบ ผบ.ตร. ระบุว่า กรณีนี้มีจเรตำรวจแห่งชาติ เข้ามาทำหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงด้วย ไม่ได้สอบสวนแค่เฉพาะในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เท่านั้น มีคำสั่งให้กระบวนการแล้วเสร็จภายใน 15 วัน หากมีมูลความผิด ลำดับขั้นต่อไปเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบวินัยร้ายแรง

ทั้งนี้มีรายงานว่า หากเข้าสู่ระเบียบการตรวจสอบวินัยฯ จะมีบทลงโทษคือ ปลดออก หรือ ไล่ออกจากราชการทันที ในกรณีที่ตัวแทนจากสำนักงานอัยการพิจารณาว่า ที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว อาจเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ แต่ตำรวจพิจารณาเบื้องต้นว่า ยังไม่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ดังกล่าว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ชี้แจงว่า ส่วนนี้ต้องรอให้มีผู้เสียหายเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ทางลุงเปี๊ยกยังรักษาตัวอยู่ หากรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ก็เข้าสู่การดำเนินคดีต่อไปได้

วันนี้(22 ม.ค.) จะส่งสำนวนในคดีที่มีข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ไต่สวน เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิด พร้อมให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเรื่องนี้ควบคู่กันไปด้วย โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดำเนินการล่าช้า และไม่มีการช่วยเหลือตำรวจด้วยกันอย่างแน่นอน แต่ความผิดในฐานอื่นนั้น ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน จะต้องดำเนินการอย่างรอบด้านทั้ง หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

กัน จอมพลัง พา 2 เหยื่อแก๊งลูกตำรวจพบ ดีเอสไอ

ขณะที่ในวันนี้ (22 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พาผู้เสียหาย 2 กรณี เข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี

1.น้องวิ หลานสาวลุงเปี๊ยก มาขอความเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (พ.ร.บ.อุ้มหาย) หลังถูกคลุมถุงดำ นั่งถอดเสื้อในห้องแอร์ ทรมานให้รับสารภาพ

และ 2.นายสมภพ กุ่มประเสริฐ อายุ 40 ปี บิดา นายกรวิชญ์ กุ่มประเสริฐ อายุ 16 ปี ถูก “แก๊งลูกตำรวจ” โยนบ่อน้ำและใช้มีดฟันซ้ำเสียชีวิต เมื่อ พ.ย.65 พื้นที่ สภ.อรัญประเทศ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง

กัน ติดใจการสอบสวนลุงเปี๊ยก

นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า กรณี ลุงเปี๊ยก หลานสาวมาขอความเป็นธรรม หลังผลสอบตำรวจพบความผิดเพียง 2 ราย คือ พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ ฐานผิดวินัย กับ ดาบเสก ฐานผิดวินัย และ ม.157 โดยตนยังรู้สึกติดใจเรื่องการสอบสวนเป็นอย่างไร มีการช่วยเหลือกันหรือไม่ วันนี้มาดีเอสไอขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ และตำรวจ 2 ราย มีหลักฐานไปถึงสามารถเอาผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย ได้หรือไม่ เพราะมีประเด็นการคลุมถุงดำ นั่งถอดเสื้อตากแอร์ในห้องด้วย

ส่วนกรณีพ่อของเด็กอายุ 16 ปี เสียชีวิต คดีคล้ายกับ “ป้าบัวผัน” ถูกมีดฟันและโยนลงบ่อน้ำเหมือนกัน เหตุเกิดตั้งแต่ปี 65 สำนวนคดียังค้างอยู่ที่ สภ.อรัญประเทศ จนปัจจุบันไม่มีความคืบหน้าทางคดี และไม่เคยเรียกไปสอบถามแต่อย่างใด ตนมองว่าถ้าตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีตั้งแต่แรก ป้าบัวผัน คงไม่ตายและไม่ทำให้เกิดเหตุซ้ำ เช่นนี้ จนครอบครัวอื่นอยู่อย่างหวาดกลัว

ทั้งนี้ พ่อของเด็ก 16 ปี ผู้สูญเสียออกมาร้องขอความเป็นธรรมแต่ กลับถูกแก๊งลูกตำรวจมาข่มขู่อาละวาดถึงบ้าน ขู่ทำร้ายลูกอีกคน จนต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย โดยช่วงบ่ายจะเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ช่วยติดตามคดี

ด้าน นายสมภพ เผยว่า ลูกชายเสียชีวิตถูกแก๊งลูกตำรวจรุมทำร้ายกว่า 10 คน มีเพื่อนลูกชายได้รับบาดเจ็บ 3 คน ถูกทำร้ายร่างกาย ฟันแขนและขา โดนสะเก็ดระเบิด ส่วนลูกชายถูกโยนบ่อน้ำเสียชีวิต แต่จับคนร้ายได้ 3 คน เป็นเยาวชนอายุ 14-16 ปี มี 1 คน ชื่อวิน อยู่ในคดีทำร้ายป้าบัวผันด้วย โดยทางอาญาคดีไม่คืบ ร้อยเวรเจ้าของสำนวนย้ายไป สภ.วัฒนานคร การทำคดีจึงหยุดชะงัก

ส่วนทางแพ่งชนะคดี แต่คู่กรณียังไม่เยียวยา จำนวนกว่า 1,020,000 บาท นอกจากนี้ ครอบครัวถูกคู่กรณีมาปาระเบิดข่มขู่ถึงบ้านทำให้ต้องย้ายบ้านหนี ต้องสูญเสียรายได้เหลือวันละ 200 บาท จากการเก็บของเก่า เพราะไม่สามารถออกไปหารายได้ตามปกติ เกรงจะถูกทำร้าย

ดีเอสไอ รับสอบคดีเด็ก 16 ถูกแก๊งลูกตำรวจทำร้ายเสียชีวิต

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและ ดีเอสไอ โดยกองกิจการอำนวยความยุติธรรม ตั้งเรื่องสืบสวนข้อมูลและหาพยานหลักฐานข้อมูลเพิ่มเติม ทั้ง พยานบุคคล พยานวัตถุต่างๆ ส่วนเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย ต้องดูองค์ประกอบข้อกฎหมาย อาทิ การถูกจำกัดเสรีภาพ การกระทำบางอย่างจนให้รับสารภาพ หรือการกระทำอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ และข้อเท็จจริงอื่นมาประกอบ ส่วนการคุ้มครองพยานอยู่ระหว่างพิจารณา แต่จะเร่งรัดโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มี 4 หน่วยงาน สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย อาทิ ตำรวจท้องที่ ฝ่ายปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ อัยการ

นอกจากนี้ ในประเด็นเด็กอายุ 16 ปีเสียชีวิตและคดีค้างอยู่ สภ.อรัญประเทศ ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง

สภ.อรัญฯ เปิดปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 419

ทั้งนี้จากเหตุการณ์สลดของ ป้าบัวผัน เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 419 (กก.ปพ.บก.สส.ภ.2) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน 3 (กก.สืบสวส 3 บก.สส.ภ.2 ) ได้เปิดปฏิบัติการแผนอรัญ 67 ตามคำสั่งของ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ซึ่งได้รับข้อสั่งการโดยตรงจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 ให้มาร่วมกับแก้ไขปัญหาอาชญากรรม , คนเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง , เด็กและเยาวชน ในพื้นที่ สภ.อรัญประเทศ

โดยได้มีการเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 20 ม.ค. 2567 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และส่วนราชการอื่นๆในพื้นที่

โดยในคืนวันเสาร์ที่ 20 ม.ค. 67 ได้มีการปิดล้อมพื้นที่ กวดขัน และปราบปรามอาชญากรรม โดยได้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด มีผลการปฏิบัติจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวน 7 ราย

วันอาทิตย์ที่ 21 ม.ค. 67 ช่วงกลางวัน ได้มีการมวลชนสัมพันธ์ เข้าพบผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ในพื้นที่ ม.6 ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีการเผยแพร่ความรู้ข้อกฎหมายเด็กและเยาวชน , คนเร่ร่อน , ยาเสพติด และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแก๊งคอลเซนเตอร์ ร่วมถึงการรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง และหาแนวทางการแก้ไขป้องกันร่วมกัน

ส่วนในช่วงกลางคืนวันเดียวกัน ได้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในการปราบปรามอาชญากรรม ออกตรวจในพื้นที่ และตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยได้พบเด็กและเยาวชน อายุระหว่าง 16 -17 ปี จำนวน 10 คน ขี่รถจักรยานยนต์ เที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน จึงได้มีการเรียกตรวจสอบ , จัดทำประวัติ , ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ , เชิญผู้ปกครองมาตักเตือนและทำทัณฑ์บนไว้

นอกจากนี้ได้พบ ลุงดำ (สงวนชื่อนามสกุล) เป็นบุคคลเร่ร่อนในตลาดอรัญประเทศ โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เดินเตร็ดเตร่อยู่ในพื้นที่สาธารณะและมีอาการเมาสุรา จึงได้เข้าไปสอบถามและให้ความช่วยเหลือ โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมส่งตัวตามกระบวนการต่อไปยังสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ตาม พ.ร.บ.การคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ.2557 ต่อไป

ทั้งยังมีการตรวจค้นบ้านเป้าหมาย สามารถตรวจยึดอาวุธปืนลูกโม่ .357 , ปืนยาวอัดลมและปืนพก บีบีกัน , เครื่องกระสุนปืน และอุปกรณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนหลายรายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับแผนปฏิบัติการอรัญ 67 นี้ มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขอาชญากรรมในพื้นที่อรัญประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งพบปัญหาที่หยั่งรากลึก ในหลายมิติของปัญหา ทั้งด้านสภาพแวดล้อม ครอบครัว และสังคมในพื้นที่ ซึ่งจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ผู้การสระแก้ว ยัน ไม่ทำงานแบบไฟไหม้ฟาง

ด้าน พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยถึง มาตรการป้องปรามกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 10-15 ปี ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ที่หากพบว่าออกนอกบ้านหลังเวลา 22:00 น. โดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย เจ้าหน้าที่จะต้องเรียกมาสอบถามตักเตือนพร้อมเชิญผู้ปกครองให้มารับทราบพฤติกรรมตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ได้เริ่มดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดทั้งสายสืบ สายปราบปราม ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานในจังหวัด เช่น นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง เพื่อตั้งด่านเฝ้าระวัง หากพบเยาวชนอยู่นอกบ้านในเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะเรียกตัวมาสอบถามและเรียกผู้ปกครองให้มารับทราบ

หากเป็นกรณีที่ใช้รถจักรยานยนต์ ก็จะดำเนินการตรวจยึดไว้ รวมทั้งตรวจสอบประวัติหากพบว่า มีคดีอาญา หรือมีหมายจับก็จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและจับกุมตามขั้นตอน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องออกลาดตระเวนตรวจสอบตามหมู่บ้านที่มีการตั้งวงสุรา เพื่อไม่ให้มีการมั่วสุม อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่ใช่การจับกุมเยาวชน และไม่ใช่การกระทำผิด เจ้าหน้าที่เพียงเรียกมาสอบถามหรือตักเตือน และเชิญผู้ปกครองเข้ามารับทราบว่า เด็กได้ออกมาข้างนอกในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม จึงไม่กังวลว่า จะขัดแย้งกับสิทธิของเด็กหรือข้อกฎหมายต่างๆ โดยที่ผ่านมาเยาวชนอายุน้อยที่สุดที่พบคือ 11 ปี ส่วนใหญ่พบว่าออกมาจับกลุ่มคุยกับเพื่อน ๆ แต่เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ ยังไม่พบว่า มีการรวมกลุ่มเสพสารเสพติดหรือดื่มน้ำกระท่อม ส่วนสถิติต่างๆนั้นอยู่ระหว่างการรวบรวม

ทั้งนี้ ผลจากมาตรการดังกล่าว พบว่าทำให้บรรยากาศในพื้นที่สงบเรียบร้อยยิ่งขึ้น และมีรายงานว่า ร้านขายน้ำกระท่อมในพื้นที่ได้ปิดตัวไปหลายแห่ง ขณะที่ผู้ปกครองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการบอกต่อกันในกลุ่มเด็กและผู้ปกครองว่ามีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตรา ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ดำเนินการแบบไฟไหม้ฟาง และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สายตรวจมีการปฏิบัติการตรวจตราอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ได้เน้นกวดขันเรื่องเยาวชนเป็นพิเศษ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับมา จะส่งผลให้กลุ่มเด็กและเยาวชน ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมลดลงในที่สุด

logoline