จันทรุปราคาครั้งนี้ สามารถสังเกตได้หลายบริเวณได้แก่ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แปซิฟิก แอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้
สำหรับประเทศไทย NARIT แจ้งว่า จะเริ่มสังเกต จันทรุปราคา ได้ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 01:01 คราสกินยาวไปจนถึงช่วง 05:26 น.
ไทม์ไลน์จันทรุปราคา (9 ต.ค.) จาก NARIT
ช่วงเวลา 01:01 น. ดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวเข้าสู่เงามัวของโลก และเกิดจันทรุปราคาเงามัว แสงสว่างของดวงจันทร์ในช่วงนี้จะน้อยลง และสังเกตด้วยตาเปล่าได้ค่อนข้างยาก
ช่วงเวลา 02:35 น. ดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวเข้าสู่เงามืดของโลก และจะเกิดจันทรุปราคาบางส่วน จากดวงจันทร์ที่เต็มดวงก็จะค่อย ๆ เว้าแหว่งไปทีละน้อย
ช่วงเวลา 03:14 น. เป็นช่วงดวงจันทร์ถูกเงาของโลกบังมากที่สุด ประมาณร้อยละ 6 ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์
ช่วงเวลา 03:52 น. สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน / รวมเวลาที่เกิดจันทรุปราคาบางส่วนนาน 1 ชั่วโมง 17 นาที
ช่วงเวลา 05:26 น. สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาประจำวันที่ 29 ต.ค. 2566 นี้
จันทรุปราคาเกิดจากอะไร?
ปรากฏการณ์จันทรุปราคา หรือ Lunar Eclipse เกิดจากการที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ได้โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์ไม่ได้รับแสงที่สะท้อนจากดวงอาทิตย์ เพราะถูกโลกตั้งขวางทิศทางของแสงอยู่
เหตุการณ์ระนาบกันของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์จะเกิดขึ้นในช่วงขึ้น 14 – 15 ค่ำ ที่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น จันทรุปราคาเริ่มต้นเมื่อดวงจันทร์ค่อย ๆ เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดวงจันทร์โดนเงามืดจากโลกบังเต็มดวง เราจึงเรียกว่าจันทรุปราคาเต็มดวง
จันทรุปราคามีกี่แบบ?
เนื่องจากดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกเรื่อย ๆ ตำแหน่งของดวงจันทร์ที่ถูกเงามืดของโลกบดบังสามารถจำแนกได้หลัก ๆ ดังนี้
1. จันทรุปราคาแบบเต็มดวง (Total Eclipse) คือ ดวงจันทร์โคจรไปอยู่ในเงามืดของโลกแบบพอดิบพอดี
2. จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Eclipse) คือ ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก
3. จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Eclipse) คือ ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืด นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงเห็นดวงจันทร์ที่มีสำคล้ำ ๆ ดำ ๆ นั่นก็เพราะดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่มีแสงน้อยนั่นเอง
ในปีนี้ ได้เกิดจันทรุปราคาไปแล้ว 1 ครั้งคือ จันทรุปราคาเงามัว (6 พ.ค.2566) จันทรุปราคาบางส่วน (29 ต.ค.2566) จึงถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ โดยปกติ ใน 1 รอบปีจันทรุปราคาสามารถเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 – 5 ครั้ง แต่ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก
ล่าสุดที่จันทรุปราคาเกิดขึ้นหลายครั้งใน 1 รอบปีก็คือ ปี 2563 ที่เกิดจันทรุปราคาถึง 4 ครั้ง เป็นจันทรุปราคาเงามืดทั้งหมด
จันทรุปราคา 2563
1. 10 ม.ค. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
2. 5 มิ.ย. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
3. 5 ก.ค. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
4. 30 พ.ย. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
รู้หรือไม่! ยิ่งมีฝุ่นในชั้นบรรยากาศมากเท่าไร แสงจากจันทรุปราคาก็จะแสวงน้อยลงเท่านั้น
เราทราบกันถ้วนทั่วแล้วว่าฝุ่นสามารถส่งผลกระทบในแง่ลบของสุขภาพของมนุษย์ได้ ยิ่งตอนนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วย สุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ต้องพึงระวัง
แต่นอกเหนือจากผลกระทบที่มนุษย์ได้รับแล้ว ฝุ่นบางส่วนก็ถูกพัดลอยไปตามลมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ลอยเกาะกันเป็นแผงอยู่บนนั้นและทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงมายังพื้นโลกได้ไม่เต็มที่
นั่นรวมถึงการรับชม จันทรุปราคาบางส่วน นี้ด้วย ฝุ่นที่เกิดขึ้นจะทำให้แสงวาบบนดวงจันทร์สว่างไสวน้อยลง เนื่องจากสายตามนุษย์ถูกฟิลเตอร์ด้วยฝุ่นเอาไว้อยู่หนึ่งชั้น แถมฝุ่นยังไปบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถเดินทางผ่านโลกไปยังดวงจันทร์ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมปริมาณของฝุ่นบนชั้นบรรยากาศถึงมีผลต่อแสงวาบบนดวงจันทร์