svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ก่อนชมของจริง 29 ต.ค. นี้ ชวนคนไทยมาทบทวนปรากฏการณ์ ‘จันทรุปราคา’

27 ตุลาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ NARIT ชวนแหงนหน้ามอง ‘จันทรุปราคาบางส่วน’ ที่จะคราสกินในช่วงเช้ามืดของวันที่ 29 ต.ค. 2566 ในช่วงเช้ามืดของเทศกาลวันออกพรรษา คอดวงดาวไม่ควรพลาด

จันทรุปราคาครั้งนี้ สามารถสังเกตได้หลายบริเวณได้แก่ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แปซิฟิก แอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ 



สำหรับประเทศไทย NARIT แจ้งว่า จะเริ่มสังเกต จันทรุปราคา ได้ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 01:01 คราสกินยาวไปจนถึงช่วง 05:26 น.

ไทม์ไลน์จันทรุปราคา (9 ต.ค.)  จาก NARIT

ช่วงเวลา 01:01 น. ดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวเข้าสู่เงามัวของโลก และเกิดจันทรุปราคาเงามัว แสงสว่างของดวงจันทร์ในช่วงนี้จะน้อยลง และสังเกตด้วยตาเปล่าได้ค่อนข้างยาก

ช่วงเวลา 02:35 น. ดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวเข้าสู่เงามืดของโลก และจะเกิดจันทรุปราคาบางส่วน จากดวงจันทร์ที่เต็มดวงก็จะค่อย ๆ เว้าแหว่งไปทีละน้อย 

ช่วงเวลา 03:14 น. เป็นช่วงดวงจันทร์ถูกเงาของโลกบังมากที่สุด ประมาณร้อยละ 6 ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์ 

ช่วงเวลา 03:52 น. สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน / รวมเวลาที่เกิดจันทรุปราคาบางส่วนนาน 1 ชั่วโมง 17 นาที 

ช่วงเวลา 05:26 น. สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาประจำวันที่ 29 ต.ค. 2566 นี้ 

  ก่อนชมของจริง 29 ต.ค. นี้ ชวนคนไทยมาทบทวนปรากฏการณ์ ‘จันทรุปราคา’

จันทรุปราคาเกิดจากอะไร?
ปรากฏการณ์จันทรุปราคา หรือ Lunar Eclipse เกิดจากการที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ได้โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์ไม่ได้รับแสงที่สะท้อนจากดวงอาทิตย์ เพราะถูกโลกตั้งขวางทิศทางของแสงอยู่

เหตุการณ์ระนาบกันของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์จะเกิดขึ้นในช่วงขึ้น 14 – 15 ค่ำ ที่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น จันทรุปราคาเริ่มต้นเมื่อดวงจันทร์ค่อย ๆ เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดวงจันทร์โดนเงามืดจากโลกบังเต็มดวง เราจึงเรียกว่าจันทรุปราคาเต็มดวง 

จันทรุปราคามีกี่แบบ?

เนื่องจากดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกเรื่อย ๆ ตำแหน่งของดวงจันทร์ที่ถูกเงามืดของโลกบดบังสามารถจำแนกได้หลัก ๆ ดังนี้

1.    จันทรุปราคาแบบเต็มดวง (Total Eclipse) คือ ดวงจันทร์โคจรไปอยู่ในเงามืดของโลกแบบพอดิบพอดี     
2.    จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Eclipse) คือ ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก
3.    จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Eclipse) คือ ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืด นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงเห็นดวงจันทร์ที่มีสำคล้ำ ๆ ดำ ๆ นั่นก็เพราะดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่มีแสงน้อยนั่นเอง 

ในปีนี้ ได้เกิดจันทรุปราคาไปแล้ว 1 ครั้งคือ จันทรุปราคาเงามัว (6 พ.ค.2566) จันทรุปราคาบางส่วน (29 ต.ค.2566) จึงถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ โดยปกติ ใน 1 รอบปีจันทรุปราคาสามารถเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 – 5 ครั้ง แต่ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก 

ล่าสุดที่จันทรุปราคาเกิดขึ้นหลายครั้งใน 1 รอบปีก็คือ ปี 2563 ที่เกิดจันทรุปราคาถึง 4 ครั้ง เป็นจันทรุปราคาเงามืดทั้งหมด

ก่อนชมของจริง 29 ต.ค. นี้ ชวนคนไทยมาทบทวนปรากฏการณ์ ‘จันทรุปราคา’
จันทรุปราคา 2563
1.    10 ม.ค. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
2.      5 มิ.ย. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
3.      5 ก.ค. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)
4.    30 พ.ย. 2563 (จันทรุปราคาเงามืด)

รู้หรือไม่! ยิ่งมีฝุ่นในชั้นบรรยากาศมากเท่าไร แสงจากจันทรุปราคาก็จะแสวงน้อยลงเท่านั้น

เราทราบกันถ้วนทั่วแล้วว่าฝุ่นสามารถส่งผลกระทบในแง่ลบของสุขภาพของมนุษย์ได้ ยิ่งตอนนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วย สุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ต้องพึงระวัง

แต่นอกเหนือจากผลกระทบที่มนุษย์ได้รับแล้ว ฝุ่นบางส่วนก็ถูกพัดลอยไปตามลมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ลอยเกาะกันเป็นแผงอยู่บนนั้นและทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงมายังพื้นโลกได้ไม่เต็มที่

นั่นรวมถึงการรับชม จันทรุปราคาบางส่วน นี้ด้วย ฝุ่นที่เกิดขึ้นจะทำให้แสงวาบบนดวงจันทร์สว่างไสวน้อยลง เนื่องจากสายตามนุษย์ถูกฟิลเตอร์ด้วยฝุ่นเอาไว้อยู่หนึ่งชั้น แถมฝุ่นยังไปบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถเดินทางผ่านโลกไปยังดวงจันทร์ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมปริมาณของฝุ่นบนชั้นบรรยากาศถึงมีผลต่อแสงวาบบนดวงจันทร์

logoline