
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” ลุยตรวจค้น 8 จุด ในจ.อุทัยธานี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐ นายวีระชาติ รัศมี อายุ 45 ปี นายกเทศมนตรี จ.อุทัยธานี ลูกเขยคนดังของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เรียกรับเงินสินบน จากผู้ประกอบการทำโครงการก่อสร้างระบบประปา ในพื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน และ ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
จากปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ จำนวน 5 ราย โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย ประกอบด้วย
ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.167-169 /2566 ตามลำดับ ลงวันที่ 22 ต.ค. 2566
ในข้อหา "ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต"
ส่วนผู้กระทำผิดที่ถูกจับอีก 2 ราย เป็นประชาชนทั่วไป คือ
ในข้อหา“สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบ และ ตามความผิดซึ่งหน้า
โดยการเข้าจับกุม "นายวีระชาติ" ที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ส่วน นายธนภัสสร์ กับ นายกุลธัช จับได้ที่ห้องทำงานในเทศบาลตลุกดู่ ขณะที่ นายมานพ และ นายยิ่งยง ถูกจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าธนาคาร ธกส. สาขาเมืองอุทัยธานี พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 6 แสนบาท
สำหรับนายวีระชาติ เป็นลูกเขยของ "นายชาดา ไทยเศรษฐ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเป็นสามีของ น.ส.อัลฑริกา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาวคนที่ 4 ของ นายชาดา
ทางด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล กล่าวว่า
ตำรวจสอบสวนกลาง ให้ความสำคัญกับคดีนี้ ไม่ปล่อยผ่าน มีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่นหนามากพอที่จะขออำนาจศาลออกหมายจับดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ส่วนแนวทางหลังจากนี้ จะมีการขยายผลกวาดล้างผู้มีอิทธิพลให้หมดไปจากพื้นที่
“หลังจับกุมตนได้มีโอกาสพูดคุย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พ่อตาของ นายวีระชาติ หนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งท่านเองก็ไม่ได้ว่า หรือขออะไร เข้าใจกระบวนการ ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมย้ำว่า ก่อนหน้านี้เคยเตือนแล้วว่าถ้าใครไม่หยุดก็ดูแลตัวเองกันไป ท่านก็เข้าใจ
ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดยังยืนกรานปฏิเสธ ขณะที่ในส่วนผู้เสียหาย ตอนนี้พบข้อมูลเพียงรายเดียว แต่หลังจากนี้ต้องขยายผลต่อเนื่องว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำในลักษณะเดียวกันนี้เพิ่มเติมหรือไม่" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุ
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าวว่า
สำหรับแผนประทุษกรรมนั้น จากแนวทางสืบสวนทราบว่า ตัวนายวีระชาติ จะทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ แล้วให้ลูกน้องแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมี นายธนภัสสร์ กับ นายกุลธัช ทำหน้าที่คอยเกลี่ยกล่อมผู้เสียหาย นายมานพ จะทำหน้าที่เจรจาเรื่องเงิน ส่วนนายยิ่งยง เป็นการจับกุมความผิดซึ่งหน้า หลังพบว่าเดินทางมาพร้อมกับนายมานพ เพื่อมารับเงินจากผู้เสียหาย
ถือเป็นหนึ่งในคดีดังในช่วงนี้ที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจเกาะติด ทุกความเคลื่อนไหว หลังมีกระแสให้ลาออก และสุดท้ายประเด็นร้อนๆ นี้ จะจบลงเช่นไร
ความคืบหน้าล่าสุด
นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรี จ.อุทัยธานี ได้เขียนจดหมาย ถึงท่านผู้ว่าฯ อุทัยธานี ขอลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า
"ด้วยข้าพเจ้า นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ได้ต้องคดีถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเพื่อแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง ที่จะไม่ทำให้เทศบาลตำบลตลุกดู่ตกอยู่ในสภาวะขาดผู้นำ ในการบริหารงาน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐและประชาชน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ ขอลาออกจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 23.30 น."
ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายวีระชาติ รัศมี ลูกเขยนายชาดาในข้อหาเรียกรับสินบนผู้รับเหมาประมูลโครงการก่อสร้างระบบท่อน้ำประปา 6 แสนบาทว่า
"เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเรื่องเช่นนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง คนที่ทำผิดกฎหมายตั้งใจที่จะทำผิดกฎหมาย ถ้าทำแล้ว ถ้ายังเซ่ออยู่ คิดว่าทุกวันนี้การทำผิดกฎหมายไม่มีใครจับได้ เทคโนโลยีสื่อสารไปถึงไหนแล้ว พอจับกุมได้ก็ตรวจโทรศัพท์ เห็นเลยว่ามีการเชื่อมโยงกัน ฉะนั้น ถ้ายังโง่อยู่ เซ่ออยู่ ก็ต้องโดนแบบนี้ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด คนฉลาดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง"
"ดีแล้วไงว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ชัดเจนไหม โดนไล่จับ แล้วเป็นนักเลงตรงไหน ไม่เห็นมีท่าเลย"
อัปเดตข้อมูลเมื่อ 24 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทางด้าน "ลูกเขยชาดา" พร้อมพวกรอดนอนคุก หลังยื่นหลักทรัพย์คนละ 4 แสนบาท ขอประกันตัวในชั้นสอบสวน ตร.ไฟเขียวหลังเห็นมีหน้าที่การงาน ที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมในการหลบหนี พร้อมนัดหมายให้มาพบ เมื่อสำนวนคดีเสร็จสิ้น เพื่อส่งตัวไปยัง ป.ป.ช.
ชวนส่องอีกความเคลื่อนไหว
นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ (สส.เจเศรษฐ์) สส.จังหวัดอุทัยธานี เขต 1 พรรคภูมิใจไทย หลานรักชาดา ได้โพสต์ภาพกางร่มให้นายชาดาท่ามกลางสายฝนพร้อมระบุแคปชั่นว่า
" วันนั้นด๊ะมองมาที่ผมและพูดว่าถ้าเป็นคนอื่นจะไม่ยอมให้ถือร่มให้ ผมก็อยากจะบอกกับด๊ะว่า แม้ว่าร่มที่ผมกางจะบดบังแม้เพียงหนึ่งหยดของพายุผมก็จะทำ วันนี้อาจจะถือร่ม สักวันผมจะเป็นร่มให้ลูกให้หลานเหมือนที่ด๊ะเป็นมาตลอด #อินชาอัลลอฮ์ "