เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ แจ้งข่าวถึงคนรักดวงดาวอีกครั้ง โดยมีใจความระบุว่า
เช้ามืด 29 ตุลาคม วันออกพรรษา เกิด #จันทรุปราคาบางส่วน เหนือฟ้าเมืองไทย สังเกตได้เวลาประมาณ 02:35-03:52 น. ติดตาม LIVE ปรากฏการณ์ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
วันที่ 29 ตุลาคม 2566 ซึ่งตรงกับ ดวงจันทร์เต็มดวงในเช้าวันออกพรรษา จะเกิดปรากฏการณ์ "จันทรุปราคาบางส่วน" ในช่วงเช้ามืด สังเกตได้บริเวณทวีปยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แปซิฟิก แอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย อาร์กติก แอนตาร์กติกา สำหรับประเทศไทยเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 01:01 - 05:26 น. (เวลาท้องถิ่น ณ กรุงเทพมหานคร) ดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวของโลก เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัว เวลาประมาณ 01:01 น. แสงสว่างของดวงจันทร์จะลดลงเล็กน้อย สังเกตด้วยตาเปล่าได้ค่อนข้างยาก
จนกระทั่งเวลาประมาณ 02:35 น. ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดของโลก เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน ดวงจันทร์เต็มดวงจะค่อย ๆ เว้าแหว่งไปทีละน้อย เงาโลกบังมากที่สุด เวลาประมาณ 03:14 น. ประมาณร้อยละ 6 ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์ จนสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนในเวลาประมาณ 03:52 น. รวมเวลาเกิดจันทรุปราคาบางส่วนนาน 1 ชั่วโมง 17 นาที จากนั้นดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวของโลกอีกครั้ง และสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาโดยสมบูรณ์ในเวลาประมาณ 05:26 น.
#ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน มีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ เกิดเฉพาะวันดวงจันทร์เต็มดวง หรือในช่วงข้างขึ้น 14-15 ค่ำ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกที่ทอดไปในอวกาศ ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปเรื่อย ๆ กรณีที่ดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกทั้งดวง เรียกว่า จันทรุปราคาเต็มดวง หากเคลื่อนผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกบางส่วน เรียกว่า จันทรุปราคาบางส่วน และเคลื่อนผ่านเฉพาะส่วนที่เป็นเงามัวของโลก เรียกว่า จันทรุปราคาเงามัว ซึ่งสังเกตด้วยตาเปล่าได้ค่อนข้างยาก
สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่จะสังเกตเห็นได้ในประเทศไทยครั้งถัดไป เป็น "จันทรุปราคาเต็มดวง" ในคืนวันที่ 7 ถึงเช้ามืดวันที่ 8 กันยายน 2568
#NARIT #LunarEclipse
เคยสงสัยกันบ้างไหม "จันทรุปราคา" คืออะไร?
ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้ยาก มีกี่ชนิด? เดือนพฤศจิกายน วันลอยกระทง 2566 วันวิสาขบูชา จะเกิดปรากฎการณ์ราหูอมจันทร์ หรือที่เรียกว่า จันทรุปราคาเต็มดวง บนท้องฟ้า ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติแสนงดงามที่หลายคนต่างตั้งตารอคอย
จันทรุปราคา คืออะไร? ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้ยากเช่นกัน มีกี่ชนิด กี่แบบกันแน่?
มาร่วมไขข้อสงสัยกันตรงนี้
รู้ไหมว่า จันทรุปราคาเต็มดวงมีกี่ชนิด รวบตึงทุกข้อมูลมาให้รู้จัก ปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่สุดแสนจะประทับใจกันให้มากขึ้น
จันทรุปราคา มีกี่ชนิด?
จันทรุปราคา หรือบางครั้งก็นิยมเรียกกันว่า "ราหูอมจันทร์" เพราะลักษณะคล้ายเงามืดทับสีของพระจันทร์ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
แล้ว จันทรุปราคาเงามัวคืออะไร ???
การเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา จะเริ่มจากการเกิดเงามัวก่อน ซึ่งดวงจันทร์ที่เราเห้นจะมีลักษณะเว้าแหว่ง หรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน
จากนั้นดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนที่เข้าสู่เงามืดของโลกจนกระทั่งผสานครบทั้งดวง เราเลยเรียกว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ซึ่งโดยทั่วไปการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) จะเกิดขึ้นเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น และนี่คือเสน่ห์ของการดู ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ที่ใครที่ชื่นชอบต้องเฝ้ารอการค่อย ๆ เคลื่อนที่ทีละนิด
ความงดงามแต่ละการเคลื่อนที่นั้น ยิ่งชวนให้คนที่ชื่นชอบการดูดวงดาว ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าหลงใหล เพราะบางปรากฎการณ์หาดูไม่ได้ง่าย ๆ จริง
สำหรับคนที่รักการดูดวงดาว สามารถติดตามปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้า ได้ที่ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
ปิดท้ายกับ เกาะติด >> สุริยุปราคาและจันทรุปราคาในปี 2566 <<
อีกหนึ่งบทความที่น่าสนใจ "สุริยุปราคาและจันทรุปราคาในปี 2566" โดยหยิบยกมาจากบทความของ คุณวรเชษฐ์ บุญปลอด ที่ท่านเขียนไว้ในเพจดัง สมาคมดาราศาสตร์ไทย ระบุว่า
พ.ศ. 2566 มีสุริยุปราคาและจันทรุปราคาเกิดขึ้นอย่างละ 2 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้ง ประเทศไทยมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาทั้งสองครั้ง แต่เป็นจันทรุปราคาเงามัวซึ่งสังเกตได้ยาก และจันทรุปราคาบางส่วน นอกจากนี้ พื้นที่บางส่วนของประเทศไทยสามารถสังเกตสุริยุปราคาได้หนึ่งครั้ง
จันทรุปราคาบางส่วน รอชมพร้อมกัน วันออกพรรษานี้ 29 ตุลาคม 2566
หลังเที่ยงคืนของคืนวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม เข้าสู่เช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 จะเกิดจันทรุปราคาบางส่วน ทำให้พื้นผิวด้านทิศใต้ของดวงจันทร์มีลักษณะแหว่งเว้าไปเล็กน้อย บริเวณที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้ ได้แก่ ด้านตะวันออกของอเมริกา ยุโรป แอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย มหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรแปซิฟิก ขณะเกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาวแกะ มองเห็นดาวพฤหัสบดีอยู่สูงเหนือดวงจันทร์ประมาณ 7° ประเทศไทยสามารถสังเกตจันทรุปราคาครั้งนี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ขณะบังลึกที่สุด เงามืดของโลกบดบังดวงจันทร์ราว 12 เปอร์เซนต์ เมื่อวัดตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลาง
หมายเหตุ: ผลการคำนวณเวลาเกิดจันทรุปราคาขั้นตอนต่าง ๆ ในที่นี้ ใช้วิธีซึ่งคำนึงถึงสัณฐานที่เป็นทรงกลมแป้นของโลก (เส้นผ่านศูนย์กลางในแนวเส้นศูนย์สูตรยาวกว่าในแนวขั้ว) อันส่งผลให้เงามีรูปร่างเป็นวงรีเล็กน้อย โดยอ้างอิงจากผลงานวิจัยที่ได้จากการวัดเวลาของการเกิดจันทรุปราคาหลายครั้งในอดีต เวลาที่คำนวณได้จึงต่างกันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลการคำนวณที่ตีพิมพ์ใน Astronomical Almanac ซึ่งใช้วิธีดั้งเดิมโดยกำหนดให้เงาโลกเป็นวงกลม นอกจากนี้ยังมีพารามิเตอร์ที่ต่างกันในการชดเชยผลจากบรรยากาศโลก และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนของคาบการหมุนของโลก ซึ่งส่งผลต่อการพยากรณ์เวลาของปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ทั้งหมด
จันทรุปราคาบางส่วน ที่กำหนดจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 ตุลาคม 2566 สื่อดังต่างแดน รายงานไว้ว่า จะสังเกตเห็น "จันทรุปราคาบางส่วน"นี้ ได้ในบริเวณทวีปยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แปซิฟิก แอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย อาร์กติก แอนตาร์กติกา
สำหรับประเทศไทย จะสามารถเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 01.01 - 05.26 น. ทั้งนี้ ในค่ำคืนดังกล่าว ดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวของโลก เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัว เวลาประมาณ 01.01 น. แสงสว่างของดวงจันทร์จะลดลงเล็กน้อย สังเกตด้วยตาเปล่าได้ค่อนข้างยาก จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.35 น.
ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดของโลก เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน สังเกตเห็นดวงจันทร์เต็มดวง เว้าแหว่งไปทีละน้อย เงาโลกบังมากที่สุด เวลาประมาณ 03.14 น. ประมาณร้อยละ 6 ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์ จนสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนในเวลาประมาณ 03.52 น. รวมเวลาเกิดจันทรุปราคาบางส่วนนาน 1 ชั่วโมง 17 นาที จากนั้นดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวของโลกอีกครั้ง และสิ้นสุดปรากฏการณ์โดยสมบูรณ์ในเวลาประมาณ 05.26 น.
สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่จะสังเกตเห็นได้ในประเทศไทยรอบถัดไป เป็น “จันทรุปราคาเต็มดวง” ในวันที่ 8 กันยายน 2568 รออีก 2 ปีข้างหน้าจะได้เจอกันเเบบเต็มดวง!!
ขอขอบคุณที่มา : สมาคมดาราศาสตร์ไทย
ทางด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ให้ข้อมูลที่นาสนใจไว้ว่า
ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปทีละน้อยจนดวงจันทร์เข้าไปอยู่เงามืดทั้งดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ออกจากเงามืดของโลก ช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกบางส่วนจะเรียกว่า “จันทรุปราคาบางส่วน” และช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกทั้งดวง เรียกว่า “จันทรุปราคาเต็มดวง” จะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากได้รับแสงสีแดงซึ่งเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด หักเหผ่านบรรยากาศโลกไปกระทบกับดวงจันทร์
ย้อนอ่านข้อมูลครั้งอดีต
ทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มักจะจัดกิจกรรมสังเกตการณ์ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ในช่วงก่อนหน้านี้ เคยตั้งพิกัดชมจำนวน 4 จุด ตั้งแต่เวลา 17:00 – 21:00 น. ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลา ชวนประชาชนส่องดวงจันทร์สีแดงอิฐผ่านกล้องโทรทรรศน์ พร้อมถ่ายทอดสดการเกิดปรากฏการณ์ผ่านจอภาพขนาดใหญ่ภายในบริเวณงานให้ชมกันอย่างเต็มตา รวมถึงกิจกรรมทางดาราศาสตร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ แนะนำการดูดาวเบื้องต้น เรียนรู้ท้องฟ้าและกลุ่มดาวต่าง ๆ สังเกตวัตถุท้องฟ้าที่น่าสนใจ เช่น เนบิวลาในกลุ่มดาวนายพราน กระจุกดาวลูกไก่ กระจุกดาวคู่ กระจุกดาวเปิดในกลุ่มดาวหมาใหญ่ เป็นต้น เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟรี!! โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
จุดสังเกตการณ์หลัก
เชียงใหม่ – ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 081-8854353
นครราชสีมา – หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สอบถามเพิ่มเติม โทร. 086-4291489
ฉะเชิงเทรา – หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา สอบถามเพิ่มเติม โทร. 084-0882264
สงขลา – ลานชมวิวนางเงือก หาดสมิหลา สงขลา สอบถามเพิ่มเติม โทร. 095-1450411
สำหรับปีนี้ หากมีความเคลื่อนไหว จะรีบนำรายละเอียด พิกัดรอชมมารายงานต่อไป
ย้ำดัง เช่นทุกครั้งว่า หากพลาดโอกาสนี้ สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่จะสังเกตเห็นได้ในประเทศไทยครั้งถัดไป เป็น "จันทรุปราคาเต็มดวง" ในคืนวันที่ 7 ถึงเช้ามืดวันที่ 8 กันยายน 2568
ขอขอบคุณที่มา: NARIT