เทศกาลกินเจ หรือ กินแจ (จีน: 九皇勝會; ฮกเกี้ยน: กิ้วหองเซ่งโห่ย; หรือ จีน: 九皇大帝誕; ฮกเกี้ยน: กิ้วหองไต่เต้ตั้น) หรือบางแห่งเรียกว่า ประเพณีถือศีลกินผัก กำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี รวม 9 วัน
สันนิษฐานว่า มีจุดเริ่มต้นในประเทศมาเลเซียและภาคใต้ของประเทศไทย เทศกาลกินเจ ไม่ใช่ประเพณีของชาวจีนโพ้นทะเลทั้งหมด เพราะชาวจีนในประเทศจีนปัจจุบันไม่ค้นพบว่ามีการสืบทอดหรือจัดประเพณีกินเจนี้เลย แม้มีอยู่บางหมู่บ้านก็ปรากฏว่าได้จัดประเพณีตามประเทศไทย และไม่พบประเพณีนี้ในชุมชนชาวจีนในประเทศอื่นๆ ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่าเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นจากคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย ก่อนประเทศไทยจะเสียดินแดนบางส่วนให้อังกฤษและกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซีย คนมาเลเซียเชื้อสายจีนในประเทศมาเลเซีย จึงยังคงมีเทศกาลกินเจเช่นเดียวกับประเทศไทย
โดยมีตำนานเล่าขานกันว่า ได้เกิดโรคระบาดที่เกาะภูเก็ตทำให้มีคนตายเป็นจำนวนมาก มีชาวจีนที่อพยบมาจากอำเภอกังไส (มณฑลเจียงซี) ประเทศจีน มาอยู่ที่บ้านในทูหรือกระทู้จังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันถือศีลกินเจซึ่งเป็นประเพณีความเชื่อในภูมิภาคบ้านเกิดของตนเองด้วยเชื่อว่าจะทำให้รอดพ้นเคราะห์กรรมนี้ไปได้ และคนจีนกลุ่มที่ถือศีลกินเจได้รอดตายจากโรคระบาดมาได้ทั้งหมด จึงทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในการถือศีลกินเจนี้มาก และได้ถือศีลกินเจตามอย่างชาวจีนบ้านกระทู้เป็นต้นมา จึงเกิดเป็นประเพณีถือศีลกินเจมาจนถึงปัจจุบัน
ในปัจจุบันเทศกาลกินเจจัดขึ้นในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ตลอดจนหมู่เกาะเรียวในอินโดนีเซียและอาจมีในบางประเทศที่ได้รับอิทธิพลผ่านคนไทยและคนมาเลเซียเชื้อสายจีน ซึ่งการกินเจในเดือน 9 นี้ เชื่อกันว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2170 ตรงกับสมัยอาณาจักรอยุธยา
ประวัติความเป็นมา
ประเพณีถือศีลกินเจ หรือ กินเเจ ซึ่งเป็นพิธียันตรกรรมบูชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยอาศัยพระแม่แห่งดวงดาวมารีจี ( 摩利支 ) ในแบบของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน แต่ในทางลัทธิเต๋าเรียกว่า เต้าโบ้หงวนกุนหรือเต้าโบ้เทียนจุนในภาษาฮกเกี้ยน ( 斗姆元君,斗姆天尊 ) เป็นศูนย์กลางสมมติของพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ มักอิงประวัติผูกติดอยู่กับฝ่ายตำนานเทพแห่งดาวนพเคราะห์มากกว่า ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งลัทธิเต๋า ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่เมืองจีน
นับจากนั้นเป็นต้นมาเมื่อพระพุทธศาสนาเจริญขึ้น จึงปรากฏตำนานความเชื่อที่ผูกโยงกับพระพุทธเจ้า 7 พระองค์และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ เรียกว่า กิ้วอ้วงฮุดโจ้วในภาษาจีนแต้จิ๋ว (九皇佛祖) โดยคติความเชื่อในประเพณีของชาวจีน โดยเฉพาะลัทธิขงจื๊อซึ่งเน้นในเรื่องบรรพบุรุษและความกตัญญู บรรดาบูรพกษัตริย์ที่เคยอุทิศตนเพื่อให้ประชาชนมีความเจริญโดยใช้หลักเมตตาธรรมก็จะเป็นบุคคลผู้ได้รับการสรรเสริญจากประชาชน ตามตำนานสามารถรวบรวมได้ 9 พระองค์ ซึ่งอยู่ในยุคสมัยต่างๆ กัน ทั้ง 9 พระองค์รวมเรียกว่าพระราชาธิราช 9 พระองค์ ในภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า : กิ๋วหองไต่เต่ , ( 九皇大帝 )
ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นธรรมชาติ และดำเนินไปตามวิถีแห่งสวรรค์ อาศัยตามความเชื่อในลัทธิเต๋า จึงส่งผลให้เกิดการนับถือดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ พระเจ้าแผ่นดินทั้งเก้าพระองค์เมื่ออยู่ในโลกมนุษย์ได้ประกอบกรรมดีมากมาย เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วจึงได้จุติเป็นเทพเจ้าประจำดาวนพเคราะห์ ทำหน้าที่คุ้มครองมวลหมู่ประชาราษฎร์ให้บังเกิดความร่มเย็นสืบไป
นอกจากนี้อีกประวัติเล่ากันว่า เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว โดยตามตำนานเล่าว่า เกิดมาในสมัยที่ชาวจีนถูกรุกรานโดยชนชาติแมนจู ซึ่งเข้าปกครองประเทศจีน และบังคับให้ชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรมของตน อาทิ การไว้ทรงผมเยี่ยงแมนจู คือ โกนศีรษะโล้นทางด้านหน้าและไว้ผมยาวทางด้านหลัง ซึ่งเชื่อว่าหลายท่านคงจะชินตาในภาพยนตร์จีนที่นำมาฉายทางทีวี
ในสมัยนั้นมีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านชาวแมนจู โดยใช้หลักทางธรรมเข้ามาร่วมด้วย ชาวจีนกลุ่มนี้ นุ่งขาว ห่มขาวและไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับกลุ่มของตนจนสามารถต้านทานชาวแมนจูได้ คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า "หงี่หั่วท้วง" ซึ่งแม้จะได้ต่อสู้อย่างอาจหาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของชาวแมนจูได้
เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ "หงี่หั่วท้วง" ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น ย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่กองทัพแมนจูปกครองจีน มีชาวบ้านรวมกลุ่มกันเป็นกองทหารที่ชื่อว่า "หงี่หั่วท้วง" พวกเขาถือศีล งดกินเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นฉุน บริกรรมคาถาตามความเชื่อเพื่อเสริมขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับกองทัพแมนจู แต่สุดท้ายก็แพ้พ่าย ผู้นำทั้ง 9 คนถูกจับไปประหารชีวิต ทำให้ต่อมาชาวจีนจะร่วมกินถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมดังกล่าวของผู้กล้าในอดีต
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเชื่ออีกกระแสหนึ่งของตำนานการกินเจนั้น ที่เชื่อกันว่า เป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ในพิธีกรรมนี้ สาธุชนจึงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยการตั้งปณิธานในการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อเป็นการสมาทานศีล
สำหรับประเทศไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่ พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจ จึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ
เปิดความหมายของ "เจ"
หากเราเห็น "ธง" ที่ใช้ประดับหน้าร้านอาหารเจ มีตัวอักษรจีนสีแดง 齋 บนพื้นสีเหลือง หรือใช้คำว่า "เจ" แทนก็ได้
คำว่า เจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานมีความหมายเดียวกับคำว่า "อุโบสถ" ดังนั้นการกินเจก็คือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เหมือนกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยที่ถืออุโบสถศีล หรือ "รักษาศีล 8" โดยไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธนิกายมหายานที่ไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมนำการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกันเข้ากับคำว่ากินเจ กลายเป็นการถือศีลกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่ากินเจ ฉะนั้นความหมายก็คือคนกินเจมิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ
ในภาษาจีนมีคำหรือวลีที่ใช้อักษรแจ (เจ, 齋/斋) เป็นตัวประกอบร่วมด้วยหลายคำ แต่คำว่าโป๊ยกวนแจไก่ (八關齋戒) แปลว่า ศีลบริสุทธิ์แปดประการ อันหมายถึง อุโบสถศีล ซึ่งเป็นศัพท์ของทางพุทธศาสนา การแปลและเข้าใจคลาดเคลื่อนดังกล่าวยังถูกใช้เป็นบรรทัดฐานในการอธิบายวัตรปฏิบัติของการกินเจผิดตามไปด้วยว่า “การกินเจต้องถือศีลข้อวิกาลโภชน์” หรือการงดกินของขบเคี้ยวหลังเที่ยงวันไปแล้ว ซึ่งเป็นศีลข้อหนึ่งในศีลแปด ทั้งๆที่โรงครัวของศาลเจ้าหรือโรงเจที่เปิดเลี้ยงผู้คนในช่วงเทศกาลกินเจล้วนแต่มีอาหารมื้อเย็นให้กับผู้เข้าไปกิน ยิ่งวันที่มีการประกอบพิธีกรรมในตอนค่ำยังมีอาหารมื้อค่ำบริการเสริมให้เป็นพิเศษด้วย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในช่วงเทศกาลกินเจนั้นเขาถือเพียงศีลห้าที่เป็นนิจศีล ไม่ได้ครองศีลแปดอย่างที่หลายคนเข้าใจ (เว้นแต่ผู้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะครองศีลแปดเป็นการส่วนตัวเท่านั้น)
ในทางอักษรศาสตร์จีน อักษรตัว “แจ” มีพัฒนาการมาจาก ตัวอักษร ฉี “ 齊 ” ซึ่งแปลว่าบริบูรณ์ , เรียบร้อย อักษรแจเกิดจากการเพิ่มเส้นตั้งและสองจุด ( 小 ) เข้าไปกลางอักษรฉี ทำให้เกิดตัว ซื ( 示 ) ซึ่งแปลว่าการสักการะ อยู่ในแก่นกลางของตัวฉี
แจ ( 齋 ) จึงมีความหมายว่า การรักษาความบริสุทธิ์(ทั้งกายและใจ)เพื่อการสักการะ หรือ การปฏิบัติบูชาถวายเทพยดา
ซึ่งการอธิบายในแนวทางนี้จะสอดคล้องกับ คำว่า “ 齋醮 ” ในลัทธิเต๋า ซึ่งย่อมาจากคำว่า 供齋醮神 ที่แปลว่าการบำเพ็ญกายใจให้บริสุทธิ์เพื่อเป็นสักการบูชาเทพยดา
ความหมายของแจในศาสนาอิสลาม
ศัพท์คำว่า ศีลแจ / 齋戒 ในภาษาจีน นอกจากใช้ในลัทธิเต๋าและศาสนาพุทธแล้ว ยังหมายถึง “ศีลอด” ที่ถือปฏิบัติในเดือนถือศีลอดของชาวจีนอิสลาม สาระของศีลก็คือการห้ามรับประทานอาหารใดๆในระหว่างเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นจวบจนลับขอบฟ้า ตลอดเดือนถือศีลอด
แจในวัฒนธรรมดั่งเดิมของจีน
ศัพท์ แจ พบในเอกสารจีนเก่าที่มีอายุกว่าสองพันปีหลายฉบับ เช่น 禮記 , 周易 , 易經 , 孟子 , 逸周書 (เอกสารที่อ้างนี้ปัจจุบันถือว่าเป็นคัมภีร์ในลัทธิหยู) เอกสารเหล่านั้นยังใช้ อักษรตัวฉี(齊 )แต่เวลาอ่านออกเสียงกลับต้องอ่านออกเสียงว่า ไจ เช่น คำว่า ไจเจี๋ย / 齊潔 หรือ ไจเจี้ย / 齊戒 ซึ่งก็คือการออกเสียงแจในสำเนียงแต้จิ๋วนั่นเอง อักษรฉีในเอกสารนั้นนักอักษรศาสตร์ตีความว่าแท้จริงแล้วก็คืออักษรตัวแจหรือใช้แทนตัวแจ แจที่ว่านี้หาได้หมายถึงการงดกินของสดคาว หรือ การงดรับประทานอาหารหลังเที่ยง หากหมายถึงการชำระล้างร่างกาย สงบจิตใจ และสวมใส่เสื้อผ้าใหม่สะอาด เป็นการเตรียมกายและใจให้บริสุทธิ์เพื่อประกอบพิธีกรรมสักการบูชา ขอพร หรือแสดงความขอบคุณต่อเทพยดาแห่งสรวงสวรรค์
แจเพื่อการจำแนกความเคร่งครัดของภิกษุฝ่ายมหายาน
ศีลของภิกษุฝ่ายมหายาน ในส่วนเกี่ยวกับการฉันของภิกษุแตกต่างจากฝ่ายเถรวาททั้งมีการจำแนกเป็นสองลักษณะตามสำนักศึกษาได้แก่
เหล่าที่ถือมั่นในศีลวิกาลโภชน์และฉันอาหารเจ จะไม่ฉันอาหารหลังอาทิตย์เที่ยงวัน เรียก ถี่แจ /持齋
เหล่าที่ถือมั่นแต่การฉันอาหารเจ เรียกถี่สู่ /持素
เจียะแจ (食齋) เป็นการออกเสียงตามสำเนียงถิ่นแต้จิ๋ว ศัพท์คำนี้ใช้และเป็นที่เข้าใจแต่ทางตอนใต้ของจีนโดยเฉพาะแถบลุ่มอารยธรรมหลิ่งหนาน (領南) ในมณฑลกวางตุ้ง อันเป็นแหล่งอาศัยดั้งเดิมของคนแคะ แต้จิ๋ว กวางตุ้งและไหหนำ ซึ่งเป็นชาวจีนกลุ่มใหญ่ในประเทศไทย เจียะหรือเจี๊ยะ (食) ในภาษาถิ่นใต้ แปลว่า กิน ส่วน แจ (齋) แปลว่า บริสุทธิ์ (อ้างตามปทานุกรมพุทธศาสนาฉบับ วัดฝอกวงซัน ไต้หวัน) เจียะแจตรงกับคำว่า ชือซู่ (吃素) ในภาษาจีนกลาง และตรงกับคำไทยที่นิยมใช้กันว่า กินเจ จึงแปลว่า การกินอาหารที่บริสุทธิ์ตามความเชื่อ (ในลัทธิกินเจ) คำว่าเจียะแจนี้ชาวจีนฮกเกี้ยนทางปักษ์ใต้แถบจังหวัดภูเก็ตเรียกต่างออกไปว่า เจียะฉ่าย (食菜) ที่แปลตามตัวอักษรได้ว่า กินผัก แต่มีนิยามหรือความหมายตรงกับคำว่าเจียะแจที่กล่าวข้างต้น
จุดประสงค์ของการกินเจ
ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อาหารเจ
อาหารเจเป็นอาหารที่ปรุงขึ้นโดยไม่มีเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ (เช่น นม ไข่ น้ำผึ้ง น้ำปลา เจลาติน คอลลาเจน ) และไม่ปรุงด้วยผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หอม (ทุกชนิดอาทิ ต้นหอม หัวหอม หอมแดง) หลักเกียว กุยช่าย และผักชี
บ้างก็รวมผักชีและเครื่องเทศรสเผ็ดร้อนเข้ามาด้วย เพราะผักเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อธาตุในร่างกาย บ้างเชื่อว่าผักเหล่านี้เพิ่มความกำหนัดหรือมาจากเลือดของสัตว์ตามตำนานจีน ทำให้อาหารเจไม่มีกลิ่นคาว เนื่องจากการงดเนื้อสัตว์ ทำให้ผู้ที่กินเจหันมาบริโภคธัญพืชในธรรมชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งโปรตีน ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง โดยในประเทศจีน พบว่ามีภัตตาคารบางแห่งซึ่งบริการ "ปรุงอาหารตามใบสั่งแพทย์" (กล่าวคือผู้ที่เข้ามารับประทานจะต้องได้รับใบสั่งอาหารของแพทย์เสียก่อน) โดยลูกค้าของภัตตาคารดังกล่าวเป็นคนไข้ที่กำลังเข้ารับ "การบำบัดโรคด้วยอาหารตามหลักเวชศาสตร์โบราณ" หลังเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์แล้ว
หลักธรรมในการกินเจ
ในทัศนะของคนกินเจ การกินที่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อนล้มตายนั้น “มันมากเกินไป” ทั้งๆ ที่มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามรถมีชีวิตอยู่ได้
การกินเจตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ 2 ประการคือ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเองและดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ
ดังนั้นการกินเจจึงไม่ใช่เพื่อให้เกิดผลดีต่อจิตใจเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมไปถึงการมีสุขภาพพลานามัยที่ดีอีกด้วย ร่างกายและจิตใจเป็นของคู่กันมีความสัมพันธ์ส่งผลถึงกันคนเราย่อมไม่อาจจะรู้สึกเบิกบานสดชื่นร่าเริงได้ในขณะที่ร่างกายเจ็บป่วยทรุดโทรมย่ำแย่
เทศกาลกินเจ 2566 เริ่มเมื่อไร ตรงกับวันไหน?
เทศกาลกินเจ 2566 ในปีนี้ "กินเจ" ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ตามปฏิทินสากล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 รวมเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งอาจจะเป็นที่นิยมในยุคต่อๆ ที่จะนับวันล้างท้องในมื้อเย็นวันที่ 14 ตุลาคม รวมเป็น 10 วันก็ได้ ซึ่งเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกินเจ ความหมายของคำว่า "เจ" และทำไมเราต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร ช่วงเทศกาลกินเจ ห้ามกินอะไรบ้าง กินอะไรได้บ้าง มาหาคำตอบกันตรงนี้
ไขข้อสงสัยทำไมต้อง"ล้างท้อง"
การล้างท้องหมายถึง เริ่มกินเจก่อนถึงวันเริ่มต้นเทศกาลจริง 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายของเรา ค่อยๆ ปรับสภาพและทำความคุ้นเคยกับการกินเจได้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรปฏิบัติตนในช่วงเทศกาลกินเจ
ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผู้ที่ต้องการกินเจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามประเพณีการกินเจ จะต้องปฏิบัติดังนี้
รับประทาน "อาหารเจ"
สีในเทศกาลกินเจ
สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่ พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของกการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจ จึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ
เช็กความหมายของ "ธงเจ"
ในช่วงเทศกาลกินเจ จะปรากฏธงประจำเทศกาลตามสถานที่ต่าง ๆ โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคล สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงกินเจ
แนวทางการเตรียมตัวก่อน "เทศกาลกินเจ"
ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง
เพราะจะทำให้ร่างกายและพลังธาตุถูกทำลาย ร่างกายเกิดการกระตุ้นจากรสของอาหารนั้นๆ ได้แก่ หัวหอม ต้นหอม ใบหอม หลักเกียว กุ้ยช่าย กระเทียม ใบยาสูบ (บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา) หมายถึงต้องงดสูบบุหรี่และกินเหล้าในช่วงที่ถือศีลกินเจนี้ด้วย
ห้ามทานเนื้อสัตว์
หรืออาหารที่มีส่วนผสมหรือส่วนประกอบ หรือเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งจากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นไขมันสัตว์ ไข่ เลือด อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์
ห้ามกินอาหารที่มีรสจัด
ไม่ว่าจะเป็นทั้งเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด หรือเปรี้ยวจัดก็ตาม เพราะอาหารที่มีรสจัดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นผลให้จิตใจไม่สงบในช่วงถือศีล กินเจนี้
ห้ามกินอาหารที่คนปรุงไม่ได้ถือศีลกินเจ
ข้อนี้แหละที่ทำให้คนถือศีลกินเจต้องไปอยู่รวมกันในสถานที่ที่มีคนกินเจรวมตัวกันอยู่ อย่างเช่นโรงทาน ศาลเจ้าต่างๆ ที่จัดงาน เพราะคนที่ทำหน้าที่ทำอาหารนั้นจะถือศีลด้วย
ถ้วยชามที่ใช้ใส่อาหารเจควรจะต้องไม่ปะปนหรือใช้ร่วมกัน
ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือเบียดเบียนชีวิตใคร ต้องแต่งกายด้วยชุดขาว ห้ามพูดคำหยาบ โกหก ยุยง ส่อเสียด หรือพูดจาไม่เป็นสาระ
ห้ามดื่มสุราและของมึนเมา
ในช่วงที่ถือศีลกินเจตลอด 9 วัน
ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง
ในสถานที่อย่างศาลเจ้า โรงเจ โรงทาน หรือสถานที่ที่จัดงานถือศีลกินเจ จะมีการจุดตะเกียง 9 ดวงเอาไว้ตลอดวันตลอดคืน จึงต้องมีคนเฝ้าไม่ให้ตะเกียงนั้นดับ
ตอบข้อสงสัยทำไมต้อง"กินเจ" กินเจแล้วดีอย่างไร ?
กินเจ กินแจ เป็นการกินเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจถือเป็นอาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุล ล้างพิษในร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนจีนเชื่อว่า เนื้อสัตว์เป็น “หยิน” และผักผลไม้เป็น “หยาง” โดยธรรมชาติคนเรามักทานเนื้อสัตว์เยอะกว่าผักผลไม้ การงดทานเนื้อสัตว์จึงเป็นการปรับให้หยินและหยางสมดุลมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ มีความเชื่อกันว่า กินเจ "เพื่อทำบุญ" และ เพื่อชำระล้างใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ทำให้จิตใจเราผ่องใสมากขึ้น เมื่อเราทราบว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่ดี ก็จะส่งผลต่อจิตใจที่เบิกบาน เป็นสุขขึ้น กินเจ เพื่อละเว้นกรรม ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือแม้กระทั่งการจ้างฆ่าเพื่อการบริโภค หากเราทราบว่าการงดบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นการช่วยชีวิตสัตว์นับพันนับหมื่น เราก็จะช่วยลดกรรมของเราได้มากขึ้น
หลักง่ายๆ ในช่วงเทศกาลกินเจ
ช่วงเทศกาลกินเจ เราสามารถกินอะไรได้บ้าง
เปิดคำแนะนำดีๆ จากรมอนามัย ก่อนเข้าสู่เทศกาลกินเจ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ ก่อนกินเจควรเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยปรับระบบของร่างกายก่อนกินเจ 2 – 3 วัน เพิ่มผักในมื้ออาหารให้มากขึ้น ลดเนื้อสัตว์ให้ร่างกายได้ปรับตัว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โดยวัตถุประสงค์หลักของการกินเจ คือ การสร้างบุญสร้างกุศล ชำระใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และเป็นการปรับสมดุลร่างกาย ส่งผลให้สุขภาพกายและใจดีขึ้นเนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารมาจากพืชผัก ผลไม้ เห็ดต่าง ๆ รวมไปถึงธัญพืช และถั่วเมล็ดแห้งเป็นเครื่องปรุงหลัก โดยพืชผัก ผลไม้ ธัญพืช เป็นกลุ่มอาหารที่ให้วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และช่วยล้างสารพิษในเยื่อบุลำไส้ออกจากร่างกาย สำหรับเห็ดมีโปรตีนสูงไขมันต่ำมีแร่ธาตุและวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินดี และเบต้ากลูแคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายส่วนถั่วก็อุดมไปด้วยโปรตีนจากพืชมีกรดอะมิโนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
“ทั้งนี้ ก่อนกินเจ 2 – 3วัน ควรเตรียมความพร้อมของร่างกายและจิตใจ โดยให้ระบบทางเดินอาหารค่อย ๆ ปรับสภาพเพิ่มการกินผักในมื้ออาหารให้มากขึ้น ลดปริมาณเนื้อสัตว์หรือเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เป็นปลา ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง ตามลำดับ เมื่อถึงช่วงกินเจประชาชนควรใส่ใจหลักโภชนาการดังนี้
1)กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้ออาหาร ประกอบไปด้วย โปรตีนจากถั่วเมล็ดแห้ง คาร์โบไฮเดรตจากข้าวแป้ง วิตามินและแร่ธาตุ จากพืชผัก ผลไม้ และไขมันจากน้ำมันแต่พอดี
2) กินโปรตีนจากพืชให้หลากหลายและเพียงพอ เช่น เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ โปรตีนเกษตร ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด
3) เลือกปรุงหรือซื้ออาหารที่มีรสชาติปานกลาง ไม่หวาน มัน เค็มจัด โดยอาจเลือกเมนูเจประเภท ต้ม แกง ย่าง ยำและน้ำพริกผักแนม
4) กินอาหารกลุ่มข้าวแป้ง เส้นต่างๆ และผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์ที่ทำจากแป้งในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจทำให้ได้พลังงานจากคาร์โบไฮเครตมากเกินไป และ 5) วัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารต้องไม่ปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีตกค้าง โดยเฉพาะจากพืชผักควรล้างให้สะอาดเพื่อความปลอดภัย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
เทศกาลกินเจ 2566 “ออกเจวันไหน ?”
เป็นที่รู้กันว่า เทศกาลกินเจ นั้น ต้องกินเจในช่วงระยะทั้งหมด 9 วัน 9 คืน เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ (หรือ “เก้าอ๊อง”) ดังนั้น เทศกาลกินเจ 2566 เริ่มตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม และ วันสุดท้ายคือ วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม
ออกเจผิดเป็นอย่างไร?
แม้ว่าเป้าหมายของการกินเจ ผัก คือการชำระล้างร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ สร้างบุญกุศล รักษาศีล ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ หรือเพื่อสักการะบูชาเทพประจำตัว และจำตระกูล แต่ด้วยพฤติกรรมที่ร่างกายขาดโปรตีนเป็นระยะเวลากว่า 9 วัน การออกเจด้วยการทานอาหารที่เป็นโปรตีนโดยทันทีอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
ออกเจอย่างถูกต้อง
อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกกินอาหารให้ถูกวิธีหลังออกจากเทศกาลเจในเว็บไซต์ สสส. เกี่ยวกับ หลักออกเจอย่างถูกวิธี ทานอาหารอย่างไร ดีต่อสุขภาพ ดังนี้
หลักธรรมในการกินเจ
ในทัศนะของคนกินเจ การกินที่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อนล้มตายนั้น “มันมากเกินไป” ทั้งๆ ที่มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามรถมีชีวิตอยู่ได้
การกินเจตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ 2 ประการคือ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเองและดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ
อาหารเจ
อาหารเจเป็นอาหารที่ปรุงขึ้นโดยไม่มีเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ (เช่น นม ไข่ น้ำผึ้ง น้ำปลา เจลาติน คอลลาเจน) และไม่ปรุงด้วยผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หอม (ทุกชนิดอาทิ ต้นหอม หัวหอม หอมแดง) หลักเกียว กุยช่าย และผักชี
บ้างก็รวมผักชีและเครื่องเทศรสเผ็ดร้อนเข้ามาด้วย เพราะผักเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อธาตุในร่างกาย บ้างเชื่อว่า ผักเหล่านี้เพิ่มความกำหนัดหรือมาจากเลือดของสัตว์ตามตำนานจีนอ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> เปิดผิดรูปหรือมีชื่อที่ใช้ไม่ได้ ทำให้อาหารเจไม่มีกลิ่นคาว เนื่องจากการงดเนื้อสัตว์ ทำให้ผู้ที่กินเจหันมาบริโภคธัญพืชในธรรมชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งโปรตีน ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง[6] โดยในประเทศจีน พบว่ามีภัตตาคารบางแห่งซึ่งบริการ "ปรุงอาหารตามใบสั่งแพทย์" (กล่าวคือผู้ที่เข้ามารับประทานจะต้องได้รับใบสั่งอาหารของแพทย์เสียก่อน) โดยลูกค้าของภัตตาคารดังกล่าวเป็นคนไข้ที่กำลังเข้ารับ "การบำบัดโรคด้วยอาหารตามหลักเวชศาสตร์โบราณ" หลังเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์แล้ว
เทศกาลกินเจ 2566 นี้นอกจากจะเป็นช่วงที่ดีสำหรับการรักษาศีล เพื่อทำให้จิตใจผ่องใส และ ยังทำให้สุขภาพของเราดีขึ้นอีกด้วย แต่ผู้ที่เริ่มทานครั้งแรกก็อาจจะยังดูเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย นอกจากนี้การรักษาสุขภาพที่ดีนอกจากจะทำในช่วงกินเจแล้ว การดูแลสุขภาพด้วยการหมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารและนอนหลับให้เพียงพอ ก็ช่วยให้สุขภาพร่างกายของเรากลับมาสดใสได้อีกด้วยเช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : ที่มาจาก วิกิพีเดีย
"พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-03. สืบค้นเมื่อ 2011-11-18.
http://news.phuketindex.com/travel/phuket-vegetarian-2-190191.html
http://www.trangzone.com/webboard_show.php?page=5&ID=4152
http://www.dhammathai.org/articles/dbview.php?No=1687
อาหารเจ สูตรอาหารเจ ในเทศกาลกินเจ 2556
http://www.horapa.com/content.php?Category=Tips&No=663