
อีกหนึ่งวันสำคัญในวันนี้ นั่นก็คือ เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ 2566 สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและมักจะมาควบคู่ในทุกครั้ง นั่นก็คือคือ "ขนมไหว้พระจันทร์" ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายไส้ให้เลือกรับประทานกันแต่หากเผลอรับประทานมากไปอาจเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ตามมาได้ อาทิ โรคอ้วน นั่นเอง
อ้างอิงชุดข้อมูลจากทาง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า
ขนมไหว้พระจันทร์ ขนาดปกติ 1 ชิ้น น้ำหนัก 166 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 614 – 772 กิโลแคลอรี ซึ่งมากกว่าเมนูข้าวผัดหมู ข้าวผัดกะเพราไก่ไข่ดาว หรือเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว 1 จานเสียอีก แม้ว่าจะตัดแบ่งออกเป็น 6 ส่วนแล้วก็ตามก็ยังให้พลังงานสูงถึง 96 – 120 กิโลแคลอรี ซึ่งจะให้พลังงานที่แตกต่างกันตามชนิดของไส้ที่อยู่ด้านใน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตามตำนาน วันไหว้พระจันทร์ "ขนมไหว้พระจันทร์" สูตรลับของจีนดั้งเดิมนั้น มีส่วนประกอบ คือ โหงวยิ้ง (เมล็ดพืช 5 ชนิด) ถั่วแดง ถั่วดำ พุทราจีน และเม็ดบัว เป็นต้น เมื่อเข้ามาในประเทศไทยได้มีการปรับรสชาติเข้ากับคนไทย เช่น ใช้ทุเรียน เกาลัด ลูกพลับ และไข่แดงเค็ม มาผสมเป็นไส้ นอกจากนี้ยังอาจมีการเติมน้ำตาลมากขึ้น
ในขณะที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ทั้งยังมีน้ำมันและน้ำเชื่อมเป็นส่วนประกอบเมื่อมาผสมกับไส้ต่าง ๆ จึงเป็นขนมที่ให้พลังงานสูง หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำตาลในเลือดสูงได้
มาดูส่วนประกอบพร้อมเช็กแคลอรีกันสักหน่อย
ให้พลังงาน 120.3 กิโลแคลอรี
ให้พลังงาน 112.8 กิโลแคลอรี
ให้พลังงาน 107.6 กิโลแคลอรี
ให้พลังงาน 102.3-106.7 กิโลแคลอรี
ให้พลังงาน 96.2 กิโลแคลอรี
นอกจากนี้ ทางกรมอนามัย ยังฝากคำเตือน คำแนะนำดีๆ อีกว่า
หากกินขนมไหว้พระจันทร์ไปแล้ว ควรเลี่ยงขนมหวานอื่น ๆ และควบคุมปริมาณการกิน โดยแบ่ง กินเป็นชิ้นเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับพลังงานเกินกว่าความต้องการของร่างกาย ที่สำคัญควรเลือกกินกับเครื่องดื่มแคลอรีต่ำ เช่น น้ำเปล่า ชาร้อน หรือ กาแฟดำ เพื่อควบคุมปริมาณของแคลอรี่ที่ร่างกายจะได้รับไม่ให้มากเกินไป และออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อการมีสุขภาพที่ดี
พร้อมย้ำอีกว่า
ก่อนรับประทาน "ขนมไหว้พระจันทร์" ต้องดูวันผลิตหรือวันหมดอายุก่อนทุกครั้ง รวมทั้งสังเกตกลิ่นและสีว่า ผิดปกติหรือไม่ หากพบว่า มีกลิ่นและสีที่เปลี่ยนไปควรงดบริโภคทันที
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง