กระเป๋ารถเมล์-โชเฟอร์ แจงสาเหตุทิ้งเด็กเป็นลมไว้ข้างถนน ขนส่งฯ ปรับคนละ 1 พัน

จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ฯ โพสต์เรื่องราวรถเมล์ปรับอากาศสายหนึ่ง ทิ้งนักเรียนชาย ม.ต้น ที่กำลังเป็นลมไว้ข้างถนน ตรงป้ายรถเมล์ข้าง สน.วันพระยาไกร โดยเจ้าของโพสต์ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ บอกว่ารู้สึกตกใจ ทำไมปล่อยน้องที่เป็นลมมานอนกับพื้นแบบนี้เพราะอันตรายมาก จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ และช่วยดึงขึ้นมาจากริมถนน พอน้องได้สติจึงหาน้ำและยาดมให้เบื้องต้นสักพักจึงได้ถามน้องว่าเป็นอะไร

น้องบอกว่าไม่สบายเวียนหัวมาก มาจากยานนาวา และกำลังกลับบ้านที่ประชาอุทิศ 27 สักพักมีผู้หญิงที่มารถเมล์คันเดียวกับน้องเดินมาอธิบายว่า รถเมล์แออัดทำให้น้องเป็นลม และกระเป๋ารถเมล์ได้หิ้วน้องลงมานอนกับพื้น ซึ่งคนบนรถเมล์ก็ตกใจกัน แต่ก็ไม่ได้มีใครลงมาด้วย แต่ผู้หญิงที่ให้ข้อมูลเขาได้จากรถเมล์มาหาเพราะกลัวน้องเป็นอะไรไป พอน้องดีขึ้นก็อาสาพาไปส่งบ้าน

หลังโพสต์นี้ถูกแชร์ออกไปมีชาวเน็ตเข้ามาตำหนิพฤติกรรมกระเป๋ารถเมล์ และโชเฟอร์ เพราะหากผู้โดยสารรายนี้เป็นอะไรจะรับผิดชอบไหวหรือไม่

22 กันยายน 2566 กรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการขนส่งทางบก ได้เรียกผู้ขับรถโดยสารคันดังกล่าว และพนักงานเก็บค่าโดยสาร  มารายงานตัวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง

พนักงานเก็บค่าโดยสาร ได้ให้การว่า เด็กชายที่เป็นลมขึ้นรถมาจากป้ายฯ หน้าห้างโรบินสัน บางรัก จะไปลงที่ซอยประชาอุทิศ 27 โดยขณะนั้นการจราจรติดขัดและคนบนรถค่อนข้างแน่น เมื่อมาถึงบริเวณห้างเอเชียทีค เด็กชายได้เข้ามาบอกกับตนว่า รู้สึกเวียนหัวจะอาเจียนขอลงจากรถ จึงแจ้งผู้ขับรถให้จอดป้าย โดยหลังจากเด็กชายลงจากรถแล้วได้ทรุดตัวลงนั่งที่ริมฟุตปาธ ยอมรับว่าไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเนื่องจากคิดว่าไม่เป็นอะไรมากเพียงต้องการอาเจียนเท่านั้น

ส่วนผู้ขับรถ ให้การว่า เมื่อเด็กชายลงจากรถแล้วก็ได้ขับรถออกไปทันที เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนจึงไม่ได้หยุดรถให้ความช่วยเหลือ

กองตรวจการขนส่งทางบก พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ฐานไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (มาตรา 102(4)) ที่กำหนดให้ผู้ประจำรถจะต้องดูแลผู้โดยสารให้ได้รับความปลอดภัยตลอดเวลาที่อยู่ในระหว่างการโดยสาร กรณีที่เกิดอุบัติภัยใด ๆ ขึ้นจะต้องให้ความช่วยเหลือให้พ้นจากอุบัติภัยนั้นก่อน จึงได้ดำเนินการ ดังนี้

• 1.ลงโทษเปรียบเทียบปรับผู้ขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร คนละ 1,000 บาท (รวมเป็นเงิน 2,000 บาท)
• 2.ตัดคะแนนความประพฤติผู้ขับรถ 10 คะแนน
• 3.ส่งผู้ขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารเข้ารับการอบรมจิตสำนึกความปลอดภัยและการให้บริการประชาชน เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก