svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

สืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ การสละชีวิตเพื่อผืนป่า 1 กันยายน 2566 ร่วมรำลึกในวาระครบ 33 ปี ตำนานแห่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เจ้าของวลีที่สะท้อนใจผู้คนใสังคม "ผมขอพูดในนามสัตว์ป่า" ต้นแบบข้าราชการที่ดี ที่ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ #ด้วยจิตคารวะ

1 กันยายน วันแห่งการสูญเสียนักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้เวียนมาครบรอบอีกครั้ง สำหรับในปีนี้ เป็นวาระครบรอบ 33 ปีที่ "สืบ นาคะเสถียร" ตำนานผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้งจากไป ชวนคนไทยร่วมรำลึกถึงเส้นทางชีวิตและผลงาน "สืบ นาคะเสถียร" ชายผู้ใช้ชีวิตเดิมพันในการพิทักษ์สัตว์และผืนป่าห้วยขาแข้งอีกครั้ง

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

ในวาระครบรอบการจากไปของตำนานผู้พิทักษ์ป่า "สืบ นาคะเสถียร" การเสียสละชีวิตที่สะเทือนใจต่อผู้คนที่รักในผืนป่า รักและหวงแหนธรรมชาติ รวมไปถึงผู้คนที่แสวงหาความเป็นธรรมในสังคม 

"สืบ นาคะเสถียร" 
ถือเป็นบุคคลสำคัญของขบวนการอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศไทยเป็นผู้ที่เคย ต่อสู้เพื่อปกป้อง รักษาทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้หรือสัตว์ป่า โดยไม่คำนึงถึงภัยอันตรายใด ๆ การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศและเป็นความสูญเสียที่เราทุกคนสูญเสียนักอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ทุกคนไม่อาจปล่อยให้ผ่านพ้นไปได้ โดยปราศจากความทรงจำ

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

1 กันยายน 2533 ที่บ้านพักของ "สืบ นาคะเสถียร" ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางป่าใหญ่ ทว่าเสียงปืนนัดนั้นมิได้เงียบหายไปเหมือนเสียงปืนนัดอื่นๆ หากแต่ยังดังก้องสะท้อนต่อมาอีกนับหลายสิบปี

สืบ นาคะเสถียร ได้ชำระสะสางภาระหน้าที่รับผิดชอบและทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้างมอบหมายเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆให้กับคนสนิทใกล้ชิดเป็นผู้ดูแลและเป็นธุระส่งคืนเจ้าของบนกระดาษบันทึกข้อความของหน่วยงาน

กระดาษแผ่นหนึ่ง สืบ นาคะเสถียร ได้เขียนข้อความเอาไว้ว่า 
“ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น”
สืบ นาคะเสถียร 
31 ส.ค. 33

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

ชื่อเดิม "สืบยศ" ชื่อเล่น "แดง" "สืบ นาคะเสถียร" ท่านเกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างา อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นบุตรคนโตในพี่น้องสามคนของนายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร

วันวานในวัยเยาว์ของ "สืบ นาคะเสถียร" ศึกษาที่โรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นนักดนตรีเป่าทรัมเป็ตมือหนึ่ง และยังชื่นชอบในการวาดภาพจนขึ้นแท่นเป็นตัวแทนของโรงเรียน ทั้งหมดบ่งบอกคุณลักษณะความมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังได้เป็นอย่างดี

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง
รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง
ชวนคนรุ่นหลัง ชวนคนไทยวันนี้ มาร่วมเปิดประวัติและเส้นทางชีวิตชายผู้พิทักษ์ผืนป่าเพื่อคนรุ่นหลัง "สืบ นาคะเสถียร" อีกสักครั้ง!!

ช่วงชีวิตในวัยเด็ก "สืบ นาคะเสถียร" มีบุคลิกภาพที่โดดเด่น เมื่อสนใจ หรือตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็จะมีความมุ่ง มั่น ตั้งใจทำจริงจัง จนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด

การเรียนในระดับอุดมศึกษา สืบ นาคะเสถียร วัยหนุ่มเลือกศึกษาคณะวนศาสตร์ ศาสตร์ด้านการป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามด้วยระดับปริญญาโท สาขาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษา
ภายหลังจบการศึกษาจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเริ่มต้นชีวิตข้าราชการกรมป่าไม้ เมื่อปี พ.ศ. 2518 สังกัดกองอนุรักษ์สัตว์ป่า

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

โดยในขณะนั้น เป็นเพียงหน่วยงานเล็ก ๆ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น เขาตัดสินใจเลือกทำงานเริ่มต้นหน่วยงานนี้ เพราะต้องการทำงานเกี่ยวกับสัตว์ป่ามากกว่างานที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์  "สืบ นาคะเสถียร" เริ่มงานครั้งแรกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี่เอง ที่ผลักดันให้ "สืบ" ต้องเข้าไปทำหน้าที่ผู้รักษากฎหมายอย่างเลี่ยงไม่พ้น ที่นี่เขาได้จับกุม ผู้บุกรุกทำลายป่าโดยไม่เกรงอิทธิพล ใด ๆ และเริ่มเรียนรู้ว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ซื่อสัตว์นั้น เจ็บปวดเพียงไหน สืบทำงานอยู่ 3-4 ปี ก็ได้รับทุนไปเรียนระดับปริญญาโท สาขาอนุรักษ์วิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอนจากนั้นกลับมารับตำแหน่ง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ จนกระทั่งขอย้ายตัวเองเข้ามาเป็นนักวิชาการกองอนุรักษ์สัตว์ป่า ทำหน้าที่วิจัยสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว

“ผมหันมาสนใจงานวิจัยมากกว่าที่จะวิ่งไปจับคนเพราะรู้ว่าจับได้แต่คนตัวเล็ก ๆ ตัวใหญ่ ๆจับไม่ได้ก็เลยอึดอัดว่ากฎหมายบ้านเมืองนั้นมันใช้ไม่ได้กับทุกคน มันเหมือนกับว่า เราไม่ยุติธรรมเรารังแกชาวบ้าน”

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

ในช่วงระยะเวลานี้ "สืบ นาคะเสถียร" ได้ผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่าออกมาจำนวนมากมาย ตั้งแต่การสำรวจติดตามชนิด และพฤติกรรมการทำรังของนก สำรวจแหล่งอาศัยของกวางผาค้นหาและศึกษาพฤติกรรมของเลียงผา มาจนถึงการสำรวจศึกษาสภาพทางนิเวศของป่าห้วยขาแข้งและป่าทุ่งใหญ่นเรศวร งานวิจัยเหล่านี้ ทำให้เขาเริ่มผูกพันกับสัตว์ป่าที่ ตกค้างในอ่างเก็บน้ำซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี สืบได้ทุ่มเททุกเวลานาที ให้กับการกู้ชีวิตสัตว์ป่าที่หนีภัยน้ำท่วมโดย ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเลย

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

จากการทำงานชิ้นดังกล่าว "สืบ นาคะเสถียร" จึงเริ่มเข้าใจปัญหาทั้งหมดอย่างถ่องแท้ เขาตระหนักดีว่า ลำพังงานวิชาการเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่อาจหยุดยั้งกระแสการทำลายป่าและสัตว์ป่า อันเป็นปัญหาระดับชาติได้ ดังนั้น เมื่อมีกรณีรัฐบาลจะสร้างเขื่อนน้ำโจนในบริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

"สืบ" จึงโถมตัวเข้าคัดค้านเต็มที่ เขารีบเร่งทำรายงานผลการอพยพสัตว์ป่าจากเขื่อนเชี่ยวหลาน เพื่อบอกทุกคนให้รู้ว่า การช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ถูกทำลายถิ่นที่อยู่นั้น เป็นเรื่องที่เกือบจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง

"สืบ นาคะเสถียร" ประกาศยืนยันอย่างชัดเจนและเเน่วแน่ว่า การสร้างเขื่อนได้ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ แหล่งอาหาร ตลอดจนที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่างรุนแรง และกว้างขวางเกินไป กระทั่งความช่วยเหลือจากมนุษย์ไม่สามารถชดเชยได้ โดยการรวมพลังของกลุ่มนักอนุรักษ์ต่าง ๆ ในที่สุดโครงการสร้างเขื่อนน้ำโจนก็ได้ถูกระงับไป

ทว่าผู้ชายหัวใจรักษ์ป่าอย่างเต็มร้อย "สืบ นาคะเสถียร" ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น "กรณีน้ำโจน" ได้กลายเป็นบทเริ่มต้น ความพยายามของเขาในการที่จะเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและป่าห้วยขาแข้ง มีฐานะเป็นมรดกทางธรรมชาติของโลกโดยได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการจาก องค์การสหประชาชาติ ด้วย สืบ เล็งเห็นว่า ฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกันสำคัญที่คอยคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้อย่างถาวร

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

ในปี 2532 สืบ นาคะเสถียร ได้รับทุนเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ แต่ปฏิเสธทุนเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ตัดสินใจเข้ารับตำแหน่ง "หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง" ผืนป่าที่แสนอุดมสมบูรณ์รายล้อมไปด้วย แม่น้ำ น้ำตก ภูเขา บนเนื้อที่กว่า 2,780 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ อุทัยธานี กาญจนบุรี และตาก มีความสำคัญต่อการศึกษาความรู้ทางธรณีวิทยา ชีววิทยา และที่สำคัญคือการได้ดูแลปกป้องเหล่าสัตว์ป่ามากมายที่เขารัก

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเข้าไปรับงานเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง "สืบ นาคะเสถียร" ได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ ที่จะรักษาป่าผืนนี้ไว้ให้ได้อย่างชัดแจ้ง เขาได้ประชุมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าห้วยขาแข้งทั้งหมด และได้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า “ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน”

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

สืบ นาคะเสถียร พบว่าที่นี่มีปัญหาต่างๆ มากมาย ใน "ห้วยขาแข้ง" อาทิ ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า การล่าสัตว์ของบุคคลที่มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าถูกยิงเสียชีวิต ปัญหาความยากจนของชาวบ้านรอบป่า และที่สำคัญคือปัญหาเหล่านี้ไม่เคยได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่เลย

เขาจึงทุ่มเทเขียนรายงานนำเสนอยูเนสโก เพื่อพิจารณาให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก อันเป็นสิ่งค้ำประกันให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับการคุ้มครองเต็มที่

"สืบ นาคะเสถียร" พยายามปกป้องผืนป่าห้วยขาแข้งอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการบุกรุกของกลุ่มที่ แสวงหาผลประโยชน์ได้ การดูแลผืนป่าขนาดหนึ่งล้านไร่ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด กลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ตกอยู่บนบ่าของเขา มันทั้งกัดกร่อน บั่นทอนและสร้างความตึงเครียดให้กับสืบอยู่ตลอดเวลา

"สืบ" ได้ค้นพบว่า ปัญหาสำคัญของห้วยขาแข้งเกิดจากความยากจน ที่ดำรงอยู่โดยรอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ ทำให้กลุ่มผลประโยชน์และผู้มีอิทธิพลสามารถยืมมือชาวบ้านในเขตป่าสงวน เข้ามาตัดไม้และลักลอบล่าสัตว์ ในเขตป่าอนุรักษ์ได้อย่างต่อเนื่อง ในทรรศนะของเขา หนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือการ สร้างแนวป่ากันชนขึ้นมา จากนั้นก็อพยพราษฎรออกนอกแนวกันชนและพัฒนาแนวกันชน ให้เป็นชุมชนที่ชาวบ้านสามารถเข้าไปหาประโยชน์ได้

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง
อย่างไรก็ตาม "สืบ นาคะเสถียร" ไม่มีอำนาจเพียงพอ ที่จะเข้าไปจัดการเรื่องนี้ให้ปรากฎเป็นจริง แม้เขาจะพยายามประสานงานกับผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง หวังชี้แจงให้เห็นถึงความสำคัญของแนวคิดดังกล่าว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจฟัง ปล่อยให้ สืบ ต้องดูแลป่าห้วยขาแข้งไปตามยถากรรม

ด้วยความเหนื่อยล้า ความผิดหวัง และความคับแค้นใจ สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจผ่าทางตันด้วยการสั่งเสีย ลูกน้องคนสนิท และเขียนจดหมายสั่งลา 6 ฉบับแล้วสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจสงบ ขณะที่ฟ้ามืดกำลัง เปิดม่านรับวันใหม่เมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติด้วยกาย วาจา และใจ

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

ชีวิตหลังความตาย
1 กันยายน 2533 สืบ นาคะเสถียร สะสางงาน และเขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อย ก่อนกระทำอัตวิบาตรกรรม เพื่อเรียกร้องให้สังคมและราชการหันมาสนใจปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่างจริงจัง

ต่อหน้าเปลวเพลิงที่พาร่างของ "สืบ นาคะเสถียร" ไปสู่นิรภพอันถาวร เพื่อนพ้องบรรดานักอนุรักษ์ คนรักธรรมชาติ ต่างเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็น ที่จะต้องรักษาอุดมคติที่น่าชื่นชมของเขาให้คงอยู่สืบไป

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งขึ้นสิบวัน หลังวันพระราชทานเพลิงศพ คือวันที่ 18 กันยายน 2533 คณะกรรมการ ประกอบด้วยบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพ แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่มีอุดมการณ์ตรงกับสืบ เมื่อเริ่มก่อตั้ง มูลนิธิฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถได้ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วน พระองค์จำนวนสองล้านสี่แสนสี่หมื่นแปดพันห้าร้อยสี่สิบบาท เป็นกองทุนประเดิมต่อกองทุนของมูลนิธิฯ และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ประทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้อีกหนึ่งแสนบาท

พระมหากรุณาธิคุณและพระกรุณาธิคุณนี้ คณะกรรมการมูลนิธิฯ จักน้อมรำลึกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดไป นอกจากนั้นแล้วบรรดาญาติ และมิตรรวมถึงประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาและตระหนัก ถึงความจริงใจในการเสียสละของคุณสืบ ได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ในโอกาสที่คณะรัฐบาล โดย ฯพณฯพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นประธานจัดงานรณรงค์หาทุนให้กับมูลนิธิฯ และเมื่อรวมกับความช่วยเหลือในการระดมทุนทางสื่อมวลชนต่างๆ แล้ว ทำให้มูลนิธิฯ มีทุนประเดิมเริ่มก่อตั้งประมาณ 16.5 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้จะนำเพียงดอกผลมาใช้ดำเนินกิจกรรมเท่านั้น กล่าวได้อย่างภาคภูมิว่า ความคิดในการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่านั้นเป็นของประชาชนทุกกลุ่ม คณะกรรมการมูลนิธิ เป็นเพียงคณะบุคคลที่ทำหน้าที่สานต่อเจตนารมณ์ ของทุกท่านให้บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้น

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

นี่คือบางส่วนของชีวิต "สืบ นาคะเสถียร" ปูชนียบุคคลแห่งผืนป่า ต้นแบบข้าราชการที่ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ 1 ในการปฏิบัติหน้าที่ หวังว่าเรื่องราวดังกล่าวจะสร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นในสำนึกคุณค่าของป่า และสัตว์ป่า ส่งต่อรุ่นต่อรุ่นไปอีกนาน 
ขอร่วมแสดงความอาลัย ร่วมรำลึกในคุณงามความดี วาระ 33 ปี ในการจากไป 
1 กันยายน 2566 "วันสืบ นาคะเสถียร"

รำลึก 33 ปี "สืบ นาคะเสถียร" นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง

ที่มาของเรื่อง : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร / ข้อมูล www.seub.or.th / wikipedia