svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"กายแก้ว" ยังต้องหลบ "สายมู" แน่น ขอพร "เทพสี่หูห้าตา" เมดอินไทยแลนด์

"กายแก้ว" ยังต้องหลบ "สายมู" แน่น ขอพร "เทพสี่หูห้าตา" สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมดอินไทยแลนด์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลกที่อำเภอไทรน้อย

20 สิงหาคม 2566 ยังเป็นกระแสร้อนแรงในสังคมและในโซเชียล เกี่ยวกับเรื่องราว "มูเตลู" โดยเฉพาะกับองค์เทพ หรือผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ สามารถดลบันดาล ให้บรรดา "สายมู" ทั้งหลาย สำเร็จตามความปรารถนา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกระแสของ "เทพสามตา"

ขณะที่ตอนนี้ กระแสคงหนีไม่พ้น "ครูกายแก้ว" หรือ พ่อใหญ่ บรมครูผู้เรืองเวทย์ ที่มีรูปปั้นขนาดยักษ์ ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ โรงแรม the bazaar ถนนรัชดาภิเษก แต่ก็ยังมีปมให้ต้องถกเถียง ในเรื่องของประวัติและที่มา รวมถึงคำถามที่ว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นสิ่งไม่เป็นมงคลกันแน่?     

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

\"กายแก้ว\" ยังต้องหลบ \"สายมู\" แน่น ขอพร \"เทพสี่หูห้าตา\" เมดอินไทยแลนด์

ล่าสุด ผู้คนในโซเชียล ได้มีการแชร์ถึงสถานที่ขอพรแห่งใหม่ ของบรรดาชาวสายมู เป็นสิ่งศักดิ์เมดอินไทยแลนด์แท้ ๆ

กับรูปปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของ "แมงสี่หูห้าตา" หรือ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ "พระอินทร์แปลง" จัดสร้างขึ้นโดย มูลนิธิสุบินนิมิต ตั้งอยู่ที่ ม.7 ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 
"แมงสี่หูห้าตา" หรือ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ "พระอินทร์แปลง"  

โดยรูปปั้นของ "เทพสี่หูห้าตา" หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "พระอินทร์แปลง" องค์นี้ ขนาดความสูง 24 เมตร สูงเด่นเป็นสง่าบนพื้นที่กว่า 6 ไร่ของมูลนิธิแห่งนี้ มีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เดินทางมาสักการะขอพร ไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน 
"แมงสี่หูห้าตา" หรือ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ "พระอินทร์แปลง" ใหญ่ที่สุดในโลก  

อาจารย์สุบิน นะหน้าทอง ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้บวชเป็นพระมานานหลายปี ได้มีโอกาสศึกษาอาคมต่าง ๆ มามากมาย ซึ่งในช่วงที่บวชเป็นพระ ก็ได้ใช้วิชาอาคมช่วยเหลือสงเคราะห์ลูกศิษย์ไปเป็นจำนวนมาก

แต่เนื่องจากในบางครั้งการทำพิธีสงเคราะห์ช่วยเหลือนั้น การดำรงค์อยู่เพศบรรชิต อาจจะดูไม่เหมาะสมเท่าที่ควร จึงตัดสินใจลาสิกขาออกมา เพื่อใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมา สงเคราะห์กลุ่มลูกศิษย์ลูกหาได้เต็มกำลัง จนเป็นที่มาของการก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิตขึ้นมา 
อาจารย์สุบิน นะหน้าทอง ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิต  

อาจารย์สุบิน เปิดเผยต่อไปอีกว่า ต่อมาได้มีลูกศิษย์รายหนึ่ง ยกที่ดินผืนนี้ให้กับทางมูลนิธิ ตนจึงตัดสินใจใช้ผืนที่แห่งนี้จัดตั้งเป็นมูลนิธิพร้อมกับสร้างรูปปั้นของ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ "พระอินทร์แปลง" ซึ่งเป็นเทพตามความเชื่อของทางล้านนา ที่มีมาตั้งแต่โบราณ มาจัดสร้างด้วยความสูงใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หรือในโลกก็ว่าได้ ด้วยความสูงถึง 24 เมตร เปิดให้สักการะบูชาได้ทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นไม่มีวันหยุด 
\"กายแก้ว\" ยังต้องหลบ \"สายมู\" แน่น ขอพร \"เทพสี่หูห้าตา\" เมดอินไทยแลนด์
 

เปิดตำนาน "เทพสี่หูห้าตา" หรือ "พระอินทร์แปลง"  

สำหรับประวัติความเป็นมาของ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ "พระอินทร์แปลง" ตามตำนานที่ ครูบาชัยยะวงศา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เล่าไว้ว่า เทพสี่หูห้าตา ก็คือร่างที่พระอินทร์แปลงกายลงมาทดลองใจชาวนา ในช่วงที่ชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อน ด้วยการเหยียบย่ำแปลงปลูกข้าวของชาวนา จนได้รับความเสียหาย เพื่อลองใจว่า ชาวนาจะมีคุณธรรมในเรื่องความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือไม่ แม้จะถูกชาวนาบางคนเข้าทำร้าย แต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ 
แมงสี่หูห้าตา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  

กระทั่งมีชาวนาคนหนึ่งสงสาร ให้ความช่วยเหลือ นำพระอินทร์แปลงไปเลี้ยงดูหาอาหารมาป้อนให้ แต่พระอินทร์แปลง ก็ไม่ยอมกินอาหารเหล่านั้น จนกระทั่งในตอนกลางคืน ที่อากาศหนาวเย็น ชาวนาคนดังกล่าวได้นำฟืน มาก่อกองไฟ เพื่อไล่ความหนาว ให้กับพระอินทร์แปลง

ทำให้ พระอินทร์แปลง หยิบท่อนฟืนที่ไฟลุกแดง เข้าใส่ปากกินเป็นอาหารแทน จากนั้นก็ถ่ายออกมาเป็นทองคำ สร้างความดีใจให้กับชาวนาผู้นั้น
แมงสี่หูห้าตา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  

ซึ่งเรื่อง พระอินทร์แปลง หรือ เทพสี่หูห้าตา นั้น เป็นกุศโลบายที่เปรียบเทียบว่า ศีล 5 เท่ากับ 5 ตา ส่วนหู 4 ข้างเท่ากับ พรหมวิหาร 4 ที่พระอินทร์แปลงมาลองใจชาวนา และเป็นปริศนาธรรมที่ว่า ทองคำที่กว่าจะได้มานั้น เพราะผ่านการหล่อหลอมที่ต้องใช้ความอดทน 

สำหรับ เทพสี่หูห้าตา หรือ อินทร์แปลง นั้น ผู้ที่เคารพ ศรัทธาส่วนใหญ่ จะเดินทางมาขอพรในเรื่องโชคลาภ และธุรกิจการงาน ซึ่งเมื่อสมหวังแล้ว ก็จะกลับมาแก้บนด้วยถ่านก้อนดำ ตามความเชื่อที่ว่า พระอินทร์แปลง หรือ เทพสี่หูห้าตา กินก้อนถ่านเป็นอาหาร 
ถ่านดำ ของสักการะ เทพสี่หูห้าตา