
จับตาและเกาะติดสถานการณ์ "ไข้เลือดออก" ระบาดหนักในหลายจังหวัดของไทย
WHO เตือนเสี่ยงไข้เลือดออก โลกร้อนดันยอดใกล้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยล่าสุด ทางด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับทีมสาธารณสุขในพื้นที่ 30 อำเภอ ของ 18 จังหวัด ที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ "แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา ตาก เพชรบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด อุบลราชธานี กระบี่ ภูเก็ต สงขลา สตูล นราธิวาส และกรุงเทพมหานคร"
โดยพบจำนวนผู้ป่วยต่อเนื่องนานเกิน 8 สัปดาห์ และมีจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังในช่วงเวลาเดียวกัน ถือว่าเข้าใกล้เกณฑ์ในการประกาศให้เป็นพื้นที่ระบาดไข้เลือดออก
ทั้งนี้ มอบหมายให้ทีมผู้เชี่ยวชาญ จาก "กองโรคติดต่อ" นำโดย กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง 38 แห่งทั่วประเทศ ให้การสนับสนุนวิชาการและทรัพยากร เพื่อลดผู้ป่วยให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง
ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า
ในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้ประกาศกำหนดให้โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ถ้ามีจำนวนผู้ป่วยสูงและต่อเนื่อง ต้องเพิ่มมาตรการในการควบคุมโรคให้เข้มข้นขึ้น โดยใช้อำนาจตามมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ประกาศสถานที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก ตามคำแนะนำของคณะกรรมการด้านวิชาการ เพื่อให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในการดำเนินการตามมาตรา 34 แบบเดียวกับการควบคุมป้องกันโรคติดต่ออันตราย เช่น โรคโควิด-19 ในระยะ 2 ปีแรก
หากมีการประกาศพื้นที่โรคระบาด จะช่วยเพิ่มความร่วมมือของประชาชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ภายใต้กลไกของกฎหมายจะทำให้สามารถลดการ เจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญทำให้ประชาชนไทยไม่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคที่ป้องกันได้
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค จะทำหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อ 18 จังหวัดดังกล่าว ได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างเข้มข้นในช่วง 4 สัปดาห์จากนี้ รวมทั้งให้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ ที่ประกอบด้วยนักระบาดวิทยา นักกีฏวิทยา และนักเทคนิคการแพทย์ ในจังหวัดที่ผ่านการอบรมหลักสูตรควบคุมป้องกันโรคที่กรมฯ ได้จัดขึ้น
ทั้งนี้ ได้ประสานขอความร่วมมือกับ องค์กรปกครองท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนทรัพยากรในการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก และหากประชาชนสงสัยว่าจะป่วยจากโรคไข้เลือดออก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>
WHO ระบุว่าอัตราการป่วยด้วยไข้เลือดออกกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยมีรายงานผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2543 เพิ่มขึ้น 8 เท่าเป็น 4.2 ล้านคนในปี 2565
ในเดือนมกราคม WHO เตือนว่า ไข้เลือดออกเป็นโรคเขตร้อนที่แพร่กระจายเร็วที่สุดในโลกและเป็น "ภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่" ที่ชัดเจนที่สุด
ประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของโลกกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ดร. Raman Velayudhan ผู้เชี่ยวชาญจากแผนกควบคุมโรคเขตร้อน ขององค์การอนามัยโลก กล่าวกับนักข่าวในเจนีวา
จำนวนผู้ติดเชื้อที่รายงานไปยัง WHO พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2019 ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ 5.2 ล้านรายใน 129 ประเทศ Velayudhan กล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ ปีนี้โลกกำลังมีแนวโน้มจะเกิดการล้มป่วย "4 ล้านคนขึ้นไป" ขึ้นอยู่กับฤดูมรสุมในเอเชียที่กำลังเกิดขึ้น
มีรายงานผู้ป่วยเกือบ 3 ล้านรายในอเมริกาแล้ว พร้อมเสริมว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายทางตอนใต้ไปยังโบลิเวีย ปารากวัย และเปรู
อาร์เจนตินาซึ่งเผชิญกับการระบาดของโรคไข้เลือดออกที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กำลังทำหมันยุงโดยใช้รังสีที่เปลี่ยนแปลง DNA ของพวกมันก่อนที่จะปล่อยพวกมันสู่ธรรมชาติ
“ภูมิภาคอเมริกาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเลวร้าย และเราหวังว่าภูมิภาคเอเชียจะสามารถควบคุมมันได้” Velayudhan กล่าว
WHO กล่าวว่า รายงานผู้ป่วยโรคนี้ซึ่งทำให้เกิดไข้และปวดกล้ามเนื้อ เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ เป็นอันตรายถึงชีวิตในคนน้อยกว่า 1%
เชื่อกันว่าสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นจะช่วยให้ยุงเพิ่มจำนวนได้เร็วขึ้นและทำให้ไวรัสสามารถเพิ่มจำนวนภายในร่างกายของพวกมันได้ Velayudhan อ้างถึงการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คนที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของเมืองและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยเป็นปัจจัยอื่น ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อ
เมื่อถูกถามว่าคลื่นความร้อนที่ส่งผลกระทบต่อซีกโลกเหนือจะส่งผลต่อการแพร่กระจายของโรคอย่างไร เขากล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกได้
อุณหภูมิที่สูงกว่า 45 องศาเซลเซียส (113 องศาฟาเรนไฮต์)
"ควรฆ่ายุงมากกว่าเพาะพันธุ์ แต่ยุงเป็นแมลงที่ฉลาดมาก และมันสามารถขยายพันธุ์ในภาชนะเก็บน้ำที่อุณหภูมิไม่สูงนัก"