กอนช.กางแผนจัดสรรน้ำในเขื่อนรับมือ "พายุถล่ม"

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ  กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย  กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือGISTDA กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกรมทรัพยากรน้ำ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำและวางแผนเตรียมการรองรับสถานการณ์ฤดูฝนปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศเข้าสู่  ฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพ.ค. 66 โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ปริมาณฝนจะน้อยกว่าค่าปกติ  5%มีโอกาสที่  ฝนทิ้งช่วงในกลางเดือนมิ.ย.-กลางก.ค.66 นี้

ทั้งนี้เห็นว่าอาจเกิดพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย จำนวน 1-2 ลูกในช่วงเดือนส.ค.หรือก.ย.โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งลักษณะอากาศและปริมาณฝนในปีนี้จะมีความคล้ายคลึงกับปี 44 และ ปี 52  

ส่วนแผนการจัดสรรน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ช่วงฤดูฝนปีนี้มีจำนวน 14,851 ล้าน ลบ.ม.  ซึ่งใกล้เคียงกับปี 65 โดย 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  มีแผนการจัดสรรน้ำ 5,500 ล้าน ลบ.ม. โดยปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 51 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 1% ของแผนจัดสรรน้ำฤดูฝน

นอกจากนี้ได้เน้นย้ำแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ที่มีหน่วยงานรับผิดชอบชัดเจน เพื่อเก็บกักน้ำปริมาณน้ำฝนในช่วงต้นฤดูไว้ให้มากที่สุด ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้ติดตามแผนปฏิบัติการส่งน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา

โดยเริ่มที่พื้นที่ทุ่งบางระกำจะเริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่วันที่ 1  เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวและใช้พื้นที่รับน้ำได้ในช่วงกลางเดือนส.ค. และพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 10 ทุ่ง เริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา สามารถเก็บเกี่ยวและใช้พื้นที่รับน้ำได้ในช่วงกลางเดือนก.ย.

 “ขณะเดียวกัน จะใช้ค่าปริมาณน้ำฝนคาดการณ์ต่ำสุดประกอบการจัดทำเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญในช่วงฤดูฝนนี้  ย้ำแผนบริหารจัดการน้ำให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และมีน้ำใช้เพียงพอในทุกพื้นที่”

อย่างไรก็ตาม ได้เร่งติดตามการตรวจสอบความพร้อมและการซ่อมแซมอาคารชลศาสตร์ของหน่วยงานต่าง ๆ  ตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 รวมถึงติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกพืชโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA ส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุก 15 วัน เป็นข้อมูลในการประเมินและติดตามพื้นที่เสี่ยงแล้งในช่วงของฝนทิ้งช่วงและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนล่วงหน้าได้