svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

'ดร.เอ้' ส่งโพสต์จี้ภาครัฐ พร้อมถอดบทเรียน 'ซีเซียม-137' หาย อันตรายถึงชีวิต

22 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

'ดร.เอ้' จี้หน่วยงานรัฐถอดบทเรียน 'ซีเซียม-137' หาย ชี้ชีวิตคนไทยบนเส้นดาย แนะทุกโรงงานต้องมีมาตรฐานตรวจสอบวัสดุอันตราย

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา และถือว่าเป็นอีกเสียงสะท้อนที่น่าสนใจ ทางด้าน "ดร.เอ้" หรือ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เตือนความอันตรายของสีซีเซียม-137 หายจากโรงไฟฟ้า จ.ปราจีนบุรี มีใจความระบุไว้ว่า

ชีวิตคนไทยบนเส้นด้าย
เมื่อซีเซียม-137 หายไป อันตรายถึงตาย

เพราะท่านและผมคงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงกับประเทศนี้ เรื่องมาตรฐานคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม

 

ใครก็รู้ กัมมันตภาพรังสี ก่อ "โรคมะเร็ง" และมันออกมาแล้ว ต้องใช้เวลานานชั่วชีวิตกว่าจะจางหายไป 

 

เมื่อฝุ่นโลหะที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีในโรงงานหลอมแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ที่คาดว่าเป็นวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ไม่รู้ไปอยู่ไหน? สะท้อนสังคมไทยอย่างไร?

'ดร.เอ้' ส่งโพสต์จี้ภาครัฐ พร้อมถอดบทเรียน 'ซีเซียม-137' หาย อันตรายถึงชีวิต

นี่เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนชัด ถึง "ปัญหาคุณภาพชีวิตคนไทย" ที่ขาดการดูแล ใส่ใจ ทั้งที่เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตคน

น่าตกใจมาก เราควรถอดบทเรียนและเรียนรู้ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รูปแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต #เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย 

1."ต้องมีมาตรฐาน ต้องรัดกุม และต้องเข้มงวด" กับวัตถุอันตราย

จากรายงานข่าวคาดว่าวัสดุอันตรายได้มีการสูญหายจากโรงงานก่อนหน้าที่มีการแจ้งหลายวัน แสดงให้เห็นถึงการดูแลความปลอดภัย และ ตรวจสอบวัสดุอันตรายในโรงงานแห่งนั้นยังมีปัญหา ขาดการตรวจเช็คเป็นประจำ มีช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัย จนวัสดุกัมมันตรังสี สูญหายออกจากโรงงาน และโรงงานยังไม่ได้แจ้งวัสดุกัมมันตรังสีสูญหายโดยทันที ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ 

2."ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสียที"

เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำเดิมอีก ทุกโรงงานที่มีการครอบครองวัสดุกัมมันตรังสี หรือ วัสดุอันตรายอื่น ๆ ควรมีการตรวจสอบ และดูแลวัสดุอันตรายให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อวัสดุอันตรายถ้าเกิดสูญหายไป อาจสร้างผลกระทบต่อสุขภาพ และชีวิตของประชาชนโดยรอบได้

3."กระบวนการทำงานของโรงงานไทย ต้องยึดหลักสากลอย่างเคร่งครัด"

มีการคาดการณ์กันว่าฝุ่นโลหะที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่คาดว่ามาจากวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหายไป ได้ถูกหลอมในโรงงานหลอมแห่งหนึ่งที่เป็นโรงงานระบบปิด เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจ จึงตรวจพบกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนกับฝุ่นโลหะที่โรงงานหลอมได้รวบรวมใส่ถุงไว้

ถึงแม้ว่าโรงงานหลอมเป็นระบบปิด แต่แสดงให้เห็นถึงมาตรการการตรวจสอบวัตถุที่เป็นอันตรายก่อนการหลอมโลหะในประเทศยังบกพร่อง โรงงานบางแห่งไม่ได้มีเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ตรวจจับกัมมันตรังสีก่อนการหลอม อย่างมีมาตรฐานสากล

ตรงจุดนี้อาจจะสร้างอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเด็ก ถ้ามีเหตุการณ์ซ้ำเดิม ฉะนั้นควรมีมาตรการตรวจสอบวัตถุดิบในโรงงานหลอมโลหะที่รัดกุมมากกว่านี้

4."หน่วยงานรัฐต้องรายงานผลอย่างซื่อตรง ชัดเจน ไม่หมกเม็ด"

ประชาชนทุกคนรวมถึงตัวผม ต่างกังวลถึงอันตรายจากกัมมันตรังสี แม้จะมีรายงานออกมาว่ากัมมันตรังสีไม่ได้ฟุ้งกระจายออกมาเนื่องจากโรงงานเป็นระบบปิด และยังกังวลถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ปริมาณกัมมันตรังสีตกค้าง หรือ การกระจายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสีออกมาโดยรอบ การรายงานข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และน่าเชื่อถือ จะช่วยให้ประชาชนคลายกังวลได้

5."กัมมันตรังสี และนิวเคลียร์ อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด" 

แต่เราควรจะเรียนรู้เพื่อใช้งานอย่างปลอดภัย ปัจจุบันวัสดุกัมมันตรังสีอยู่ใกล้กับตัวเรา มีหลายอย่างที่สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์เป็นอย่างมาก ฉะนั้นเราจึงควรเรียนรู้เพื่อใช้งานได้อย่างปลอดภัย ยกตัวอย่าง เครื่องเอกซเรย์ เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งในโรงพยาบาล การใช้ธาตุกัมมันตรังสีในการตรวจหารอยตำหนิในอุตสาหกรรม หรือ การฉายรังสีเพื่อถนอมอาหาร

ฉะนั้น เราจึงควรศึกษาและเรียนรู้เพื่อใช้ประโยชน์จากกัมมันตรังสี และนิวเคลียร์อย่างปลอดภัย ปรับปรุงมาตรการและกฎหมายให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตครับ 

ผมจึงตั้งใจ ขอเป็นหนึ่งกำลังใหัท่าน ไปแก้ไขเรื่องเหล่านี้เสียที อย่าให้ชีวิตของลูกหลานเรา แขวนไว้บนเส้นด้าย ที่กำลังจะขาดแบบนี้เลยครับ


ขอขอบคุณที่มา : ดร.เอ้ สุชัชวีร์

logoline