พ่อเจ็บใจ ถูกเชิดเงินค่าบัตร "แบล็กพิงก์" ลูกสาวใจสลายอดดู "ลิซ่า"

8 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์ จาก นายชาตินิยม นาถาบำรุง อายุ 41 ปี ว่าได้ประกาศซื้อตั๋วคอนเสิร์ต"แบล็กพิงก์" ที่จัดขึ้น วันที่ 7-8 มกราคม 2565 ที่ สนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภชลาศัย) จนมีคนมาติดต่อขาย พอได้พูดคุยและตกลงซื้อขายกันแล้ว ได้โอนเงินไปมัดจำ และจะจ่ายส่วนที่เหลือหน้างาน ผ่านไปไม่นานทางผู้ขายได้พยายามลบข้อความการแช็ดพูดคุย ร่วมถึงรูปบัตรที่นั่ง รูปบัตรประชาชนของผู้ขาย และบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง จนถึงวันงานทำให้ผู้ร้องไม่สามารถเข้างาน จึงออกมาร้องสื่อ และจะนำหลักฐานทั้งหมดเดินทางเข้าแจ้งความในวันพรุ้งนี้

นายชาตินิยม เล่าว่า ตนได้เข้าไปในเพจของ"แบล็กพิงก์" แล้วเข้าไปโพสต้องการบัตรคอนเสิร์ต 3 ใบ เป็นโซนที่นั่ง เพราะลูกตน 6 ขวบ อยากไปดูแบล็กพิงก์ ตนก็เลยไปโพสไว้ แล้วก็มีคนติดต่อทักเข้ามาทางข้อความ และของไอดีไลน์ของตนแล้วก็แอดไลน์คุยกัน เขาก็ส่งรายละเอียดมา ตนก็เลยทำการโอนมัดจำไป 3 พันบาท แล้วในวันพรุ่งนี้ (8 มกราคม) ไปเจอกันที่หน้างานแล้วก็จะจ่ายส่วนที่เหลือ และเขาก็จะเป็นคนพาเข้างานเพราะเขาจองเป็นชื่อเขา เขาเลยต้องเป็นคนพาเข้างาน ซึ่งเป็นงานคอนเสิร์ตแบล็กพิงก์ วันที่ 8 มกราคม ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งบัตรมีราคา 3,800 บาท ตนจ้องไป 3 ใบ โอนมัดจำไป 3 พันบาท

โดยหลังจากโอนไปเมื่อคืนก็ยังคุยกันดีอยู่ มาถึงประมาณ 14.00 น. ตนก็เห็นความในไลน์ตนเด่นเตือนว่ามีการยกเลิกข้อความ ของคนที่ติดต่อมาขายบัตร ตนก็เลยเปิดเข้าไปดูปรากฏว่า เขายกเลิกข้อความ พวกรูปภาพที่เป็นบัตรคอนเสิร์ต รูปภาพที่เป็นบัตรประชาชนของเขา และตรงที่เป็นเลขที่บัญชีของเขา เขายกเลิกไปหมดเลย และในแมสเซนเจอร์เฟตบุ๊คเขาก็ยกเลิกทิ้งไป แล้วก็เบอร์โทรของเขาตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้ คือตอนนี้ตนไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย

นายชาตินิยม เล่าอีกว่า ที่ตอนซื้อบัตรคอนเสิร์ตแบล็กพิงก์ เพราะลูกของตนอายุ 6 ขวบ อยากไปดูมาก เขาเปิดดู ลิซ่า แบล็คพิ้ง จนเป็นแรงบันดาลใจให้เขาไปเรียนร้องเพลง ตอนนี้เขาก็ยังไปเรียนร้องเพลงอยู่ เมื่อคืนวันศุกร์ ลูกของตนดูข่าวในทีวีว่า แบล็กพิงก์จะเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทย แล้วตนเคยสัญญากับเขาไว้เมื่อตอนที่เขาไปประกวดนางนพมาศ ตนบอกกับเขาว่าถ้าเขากล้าขึ้นประกวด ตนจะหาบัตรให้เขา แล้วทีนี้พอเขารู้ข่าวว่าแบล็กพิงก์มาเมืองไทย แล้วตนไม่บัตรให้เขา เขาก็ร้องไห้

โดยในคืนวันเสาร์ตนก็เลยเขาไปในกลุ่มของแบล็กพิงก์ เพื่อที่จะหาซื้อบัตรคอนเสิร์ตให้ลูก ตนก็ไปเจอคน ๆ นี้ ที่เขามาบอกว่าเขามี แล้วเอกสารที่เขาส่งมาให้ตนดูชื่อมันตรงกันหมดเลย ทั้งชื่อในบัตรคอนเสิร์ต บัตรประชาชน และเลขที่บัญชีที่โอน ตนก็เลยโอนมัดจำไป ตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าถ้าน้องรู้ว่าไม่ได้เขางานคอนเสิร์ตน้องจะรู้สึกยังไง เงิน 3 พัน ที่ตนเสียไปไม่เจ็บใจเท่ากับความรู้สึกของลูก ตนเองก็อยากฝากเตือนว่า ถ้าจะให้ชัวนัดไปจ่ายกันหน้างาน ทำให้เสร็จตรงนั้น จ่ายเงิน ณ ตรงนั้น แล้วเข้างานได้เลยดีกว่า