ซึ่งเป็นหนึ่งในภาวะผิดปกติ ที่คนในสังคมโดยเฉพาะหนุ่มสาว ในวัยทำงาน จำเป็นต้องรู้!
รู้จัก ภาวะ“ทนรอไม่ได้” หรือ "Hurry Sickness"
เป็นภาวะผิดปกติทางจิตใจและอารมณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคที่มีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต และมักเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นเวลานาน (ไม่ใช่โรคทางจิตเวช) โดยอาการของโรคคล้ายกับ “โรคสมาธิสั้น” ทำให้บางคนเข้าใจผิดและมองข้ามภาวะผิดปกติเหล่านี้ไป
สำหรับอาการของภาวะ “ทนรอไม่ได้”
เป็นพฤติกรรมที่บุคคลที่มักจะมีอาการใจร้อน หงุดหงิด และฉุนเฉียวง่าย กับการรออะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ หรือมักจะเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่เสพติดการใช้โซเชียลมีเดีย ดังนั้น ผู้ที่เข้าข่ายอาการข้างต้น ควรสังเกตตนเอง หรือบุคคลรอบข้างว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหรือไม่ และควรหาทางแก้ไขเพราะหากปล่อยให้ภาวะนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นี้จะทำให้ร่างกาย และจิตใจผิดปกติได้
ทบทวนอีกครั้ง ภาวะ“ทนรอไม่ได้” ไม่ใช่ “โรคสมาธิสั้น” ต้องแยกให้ออก!
หากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการเข้าข่ายภาวะทนรอไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมในขั้นตอนต่อมา คือ ต้องแยกให้ได้ก่อนว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่นั้นคือ “โรคสมาธิสั้น” หรือภาวะ “ทนรอไม่ได้” โดยอาการและวิธีรักษามีความแตกต่างกันพอสมควร ดังนี้
จับสัญญาณบ่งชี้ความเสี่ยงภาวะ “ทนรอไม่ได้”
1. รีบร้อนกับทุกเรื่อง แม้กระทั่งบางเรื่องที่ไม่ควรรีบ เช่น การรับประทานอาหาร หรือ การอาบน้ำ
2. มักทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน มีแผนในหัวหลายเรื่องมาก เมื่อทำทุกอย่างที่คิดพร้อมกันผลงานก็ออกมาไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้
3. หงุดหงิดกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากรีบทำทุกอย่าง และทำหลายเรื่องพร้อมกัน พอทำได้ไม่ดีหรือไม่สำเร็จ จึงทำให้เกิดอาการหงุดหงิด
4. พยายามเร่งตัวเองอยู่ตลอดเวลาในการทำสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา และกดดันตัวเองจนเกิดความเครียด
5. มักตัดบท หรือพูดแทรกคู่สนทนาโดยไม่รู้ตัว หรือบางทีคู่สนทนายังพูดไม่จบ ส่งผลให้ความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างแย่ลง
6. บังคับตัวเองให้ทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ทำเร็วขึ้นไปอีก และทำพร้อมกันหลายๆ อย่างมากขึ้นกว่าเดิม
ผลกระทบจากภาวะทนรอไม่ได้ แบ่งเป็น 2 ส่วน
ผลกระทบต่อสุขภาพ
ผลกระทบในด้านจิตวิทยา
วิธีแก้ไขและบรรเทาอาการ “ทนรอไม่ได้” เบื้องต้น
แม้ว่าปัจจุบันภาวะ “ทนรอไม่ได้” ไม่ใช่โรคทางจิตเวช แต่ถ้าประสบกับภาวะนี้ และยังไม่ทำการแก้ไข ก็จะส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นโรคทางประสาทได้ และถ้าแก้ไขด้วยตนเองแล้วแต่ยังรู้สึกว่าไม่สบายใจ หรือยังไม่สามารถปล่อยวางอารมณ์ฉุนเฉียวลงได้ ก็ควรเข้ารับการปรึกษาจากจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา