ชาญชัย ลั่น ปลอดประสพ ไม่รู้จริงน้ำท่วมรังสิต-กทม. โต้แก้น้ำท่วม 54 ล้มเหลว
“ชาญชัย ” สวน “ปลอดประสพ” ปม น้ำท่วมรังสิต-กทม. ลั่นไม่รู้จริง ยันน้ำไม่ได้มาจาก นครนายก โชว์หลักฐานภาพสร้างคันดินกั้นคลองรังสิต-นครนายก 16 แฉเหตุหลักปมน้ำท่วมจากทุจริต งาบหัวคิว เฉพาะปี 44-54 ใช้งบฯแก้น้ำท่วม-ภัยแล้งกว่า 5 แสนล้าน ทุจริตร่วม 20%
13 กันยายน 2565 ตอบโต้กลับ "ปลอดประสพ" สถานการณ์น้ำท่วมรังสิต-กทม. โดย นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ลุ่มน้ำภาคกลางและภาคตะวันออก9 จังหวัด สภาผู้แทนฯ กล่าวถึงกรณีนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระบุถึงสาเหตุน้ำท่วมรังสิตและกทม.เกิดจากมีคนสั่งให้ปล่อยน้ำจากจังหวัดนครนายก ว่า กรณีนายปลอดประสบไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะน้ำไม่ได้ไหลมาจากจังหวัดนครนายก เนื่องจากปัจจุบันมีการขุดคัดดินกั้นน้ำขวางทางน้ำที่ปากคลอง16 ที่ อ.องครักษ์ เพื่อซ่อมประตูระบายน้ำคลอง16 โดยมีการสร้างคันดินขวางคลองหรือขวางทางน้ำไหลยาวเพื่อสร้างสันเขื่อนหน้าประตูน้ำคลอง16
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่น้ำจากนครนายกจะไหลข้ามคัดดินนี้ไปลงคลองรังสิต จากภาพที่ตนถ่ายมา คันดินดังกล่าวมีความยาวไม่ต่ำกว่า 40 เมตร โดยน้ำจากนครนายกถูกบังคับให้ไหลระบายลงแม่น้ำนครนายก แล้วไหลไปที่ประตูน้ำคลอง17 หรือประตูน้ำเสาวภาผ่องศรี เพื่อไหลต่อไปลงที่ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ ซึ่งเป็นทางระบายน้ำเชื่อมระหว่างแม่น้ำนครนายกกับแม่น้ำบางประกง
การสร้างคันดินขวางทางระบายน้ำที่คลอง16 ทำให้นครนายกเสี่ยงต่อน้ำท่วมเมืองนครนายกมาก ยังดีที่มีเขื่อนขุนด่านปราการชลที่รัชกาลที่9 ทรงสร้างไว้เพื่อป้องกันน้ำท่วมภาคตะวันออกของกทม. และเพื่อป้องกันน้ำท่วมและแก้ปัญหาภัยแล้ง ทำให้จังหวัดนครนายกจึงพ้นจากปัญหาดังกล่าว
“ การที่นายปลอดประสบพูดมาว่าจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่กลับให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง แสดงให้เห็นว่า ไม่รู้จริงเปรียบเหมือนตาบอดคลำช้าง แล้วยังคิดอวดรู้ มาเสนอตัวแก้ปัญหาน้ำท่วมอีก เฉพาะความผิดพลาดในคราวน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่นายปลอดประสบเป็น รองนายกฯและรมว.วิทย์ฯ ที่ดูแลคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ ( คบอ.) ที่อ้างว่า ครั้งนั้นได้สั่งซื้อเครื่องสูบน้ำจำนวนมากใช้งบฯไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท แต่ผลที่ปรากฏประชาชนยังจดจำน้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้น ที่สะท้อนถึงการแก้ตัวและส่อทุจริตของผู้เกี่ยวข้องในยุคนั้น เป็นผลงานชิ้นโบว์ดำ ”
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ส่วนการเสนอให้ซื้อเครื่องสูบน้ำใหม่ ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ไขที่ยั่งยืน หากจะซื้อใหม่ให้สิ้นเปลืองงบฯ ถามว่า ในรอบ10ปีที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐใช้งบประมาณแผ่นดินซื้อเครื่องสูบน้ำต่างๆไปกี่แสนล้านบาทแล้ว และแก้ไขปัญหานี้ได้ยั่งยืนหรือไม่ เฉพาะงบฯที่รัฐบาลช่วงปี 2544-2554 พบว่ามีการใช้งบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชนมากกว่า 5 แสนล้านบาทของกระทรวงต่างๆรวมกัน และพบว่ามีการทุจริต มีความเสียหายไม่น้อยกว่า 20% ของงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง ผมจึงเห็นว่า ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง สาเหตุหลักเกิดจากการทุจริตและการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว