
10 พฤศจิกายน 2568 ที่ สภ.เมืองสงขลา ผู้เสียหายนับสิบรายรวมตัวเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ "เจ้าของสถาบันติวเตอร์" แห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา หลังถูกหลอกขายคอร์สติวรายละ 100,000–150,000 บาท ก่อนเชิดเงินหนี โดยเบื้องต้นพบผู้เสียหายแล้วกว่า 20 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 5 ล้านบาท
น.ส.พิมละลิน อายุ 37 ปีผู้เสียหายรายหนึ่ง เล่าว่า ตนมีลูกชายเรียนอยู่ระดับประถม และสมัครเรียนติวกับสถาบันดังกล่าวมาเกือบปีโดยไม่มีปัญหาอะไร ยังชื่นชมว่าครูสอนดี ลูกเรียนดีขึ้นมาก
กระทั่งสนิทกับเจ้าของสถาบันคือ “ครู ป.” ซึ่งต่อมาได้ย้ายสถานที่ไปยังอาคารพาณิชย์แห่งใหม่ โดยอ้างว่าซื้ออาคารเพื่อเปิดสถาบันติวชื่อดัง ซึ่งเป็นแฟรนไชส์สาขาสงขลาโดยเฉพาะ
จากนั้น ครู ป. เริ่มขายคอร์สติว โดยมีครูอีกคนชื่อย่อ “พ.” เป็นผู้ให้รายละเอียดการเรียนการสอนและติดต่อผู้ปกครองโดยตรง คลาสเรียนจะเป็นแบบตัวต่อตัว ก่อนเริ่มเรียนมีการตรวจลายนิ้วมือเด็กเพื่อหาความถนัด และให้พบครูนักจิตวิทยาเพื่อประเมินเบื้องต้น จากนั้นครู พ. แจ้งว่าค่าคอร์สอยู่ที่ 150,000 บาทต่อคน
โดยจะดูแลจนเรียนจบ ม.6 และเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งผู้ปกครองได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าสถาบันมีความน่าเชื่อถือ มีการการันตีว่าสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้แน่นอน จึงยอมจ่ายเงิน
“แต่หลังจากนั้นเริ่มรู้สึกผิดปกติ เมื่อครู ป. โทรหาผู้ปกครองหลายรายเพื่อยืมเงิน อ้างว่าจะนำไปรีโนเวตอาคารกั้นห้องเรียนไพรเวทให้เด็ก และล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กที่เรียนออนไซต์มาที่สถาบัน แต่พบว่าถูกปิดและมีป้ายห้ามบุกรุก เนื่องจากผู้เช่าไม่จ่ายค่าเช่ามาหลายเดือน ญาติจึงประสานไปยังสถาบันส่วนกลางสอบถาม พบว่าส่วนกลางไม่เคยมีสาขาที่จังหวัดสงขลา และตรวจสอบรายชื่อนักเรียนแล้วไม่พบว่ามีการสมัครเรียนเข้ามาแต่อย่างใด เราจึงรวมตัวผู้เสียหายมาแจ้งความในวันนี้” ผู้เสียหายกล่าว
ด้านนางวราพร ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนให้ลูกเรียนที่ติวเตอร์แห่งนี้ตั้งแต่ชั้น ป.5 ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองสงขลา ช่วงแรกเห็นว่าติวเตอร์มีการเติบโตและใช้วิธีการเรียนแบบทันสมัย มีการสแกนลายนิ้วมือเพื่อดูพัฒนาการของเด็กตามหลักจิตวิทยา เก็บเงินรอบแรกเกือบ 30,000 บาท และหลังจากสแกนลายนิ้วมือเพื่อดูศักยภาพของเด็ก ก็มีการเสนอคอร์สเรียนจนจบ ม.6 ราคา 150,000 บาท เมื่อปี 2567 ซึ่งตนแบ่งจ่ายสองรอบ รอบแรก 50,000 บาท และรอบที่สอง 100,000 บาท
หลังจากนั้นมีการเรียนออนไลน์แบบตัวต่อตัวช่วงกลางคืน แต่ระยะหลังเริ่มผิดสังเกต เพราะไม่มีการติวให้ลูกเหมือนเดิม กระทั่ง 2–3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีการพูดคุยกันในกลุ่มผู้ปกครองว่าผู้บริหารติวเตอร์หายตัวไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้สถาบันดูน่าเชื่อถือมาก ขยายจากในซอยเล็กๆ ออกมาเช่าอาคารพาณิชย์ริมถนนสายสงขลา–นาทวี
เจ้าของอ้างว่าซื้ออาคาร 3 คูหา เพื่อเปิดสถาบันแห่งใหม่ พร้อมซื้อแฟรนไชส์ติวเตอร์ชื่อดังจากกรุงเทพฯ มาเปิดในสงขลา ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองจำนวนมาก จากการสอบถามเพิ่มเติมทราบว่า ครูติวเตอร์รายนี้มีการกู้ยืมเงินนอกระบบจำนวนมาก จนขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารพาณิชย์บริเวณ หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านสวนตูน ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา พบว่าอาคารดังกล่าวปิดสนิท ป้ายสถาบันติวเตอร์ถูกปลดออกทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวประสานไปยังผู้จัดการโครงการที่ปล่อยเช่าอาคาร ทราบว่า “ครู ป.” เจ้าของสถาบันติว ได้ทำสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 โดยเช่าซื้อหนึ่งหลัง และอีกสองหลังเช่ารายเดือน แต่กู้ธนาคารไม่ผ่านจึงเช่าทั้งสามหลังแทน เห็นว่าเจ้าของมีประสบการณ์ทำสถาบันติวมานานกว่า 8 ปี จึงเชื่อถือได้
ต่อมาพบว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าของสถาบันไม่ชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมยอดกว่า 400,000 บาท ทางบริษัทจึงมอบหมายให้ทนายดำเนินการตามกฎหมาย โดยเจ้าของสถาบันได้เซ็นรับทราบหนี้แล้ว หากไม่ชำระก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พบว่าวันนี้มีผู้เสียหายทยอยเดินทาง เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสงขลาแล้วทั้งสิ้นมากกว่า 20 ราย โดยหลังจากนี้หากมีผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเดินทางเข้าแจ้งความได้ที่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อรวบรวมและดำเนินคดีอาญาต่อไป