13 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวานนี้ (12 มิ.ย.2568) ตำรวจสายตรวจบ้านด่านนอก ได้รับแจ้งจาก นายกิตติ บัวกิ่ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านไร่ออก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา พบหลุมต้องสงสัยขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นหลุมศพ เพราะมีร่องรอยการขุดใหม่ มีการเอาใบไม้มาวางทับก่อนตรวจสอบพบว่าภายในหลุมนั้นมีกล่องขนาดใหญ่ 2 กล่องถูกฝังไว้
โดยจุดที่พบโดรนขนาดขนาดใหญ่นั้น อยู่ที่ถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ ทางไปด่านศุลกากรแห่งใหม่ ห่างจากถนนประมาณ 30 เมตร สภาพเป็นป่าหญ้ามีต้นไม้ขนาดเล็ก ถนนเส้นนี้ยังไม่มีรถสัญจรไปมามากนัก เคยเปิดให้รถขนส่งขนาดใหญ่วิ่ง ไปด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่มาระยะหนึ่ง แต่ได้ถูกยกเลิกไปชั่วคราว เนื่องจากยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จบางส่วน และกำลังจะเปิดใช้เป็นเส้นทางหลักของรถสินค้าในปลายปี
นายกิตติบัวกิ่งผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า มีคนเลี้ยงวัวไปเจอกับหลุมดังกล่าว คิดว่ามีศพถูกฝังไว้ ก่อนจะประสานตนเองและกู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ เมื่อขุดกองดินพบผ้าใบสีฟ้าและมีไม้กระดานวางอยู่อีกชั้นโดยด้านล่างพบเป็นกล่องขนาดใหญ่ลักษณะเหมือนบรรจุสินค้าที่มีราคา เมื่อเปิดดูพบว่าเป็นโดนขนาดใหญ่ ใหม่เอี่ยม ที่ใช้ในการขนส่ง หรือการเกษตร
ด้านนายวิเชษฐ์ สายกี่เส้ง นาอำเภอสะเดา เปิดเผยว่า ยังเป็นปริศนาว่าโดนที่ถูกนำมาฝังไว้ เป็นของใคร และมาฝังไว้ทำไมต้องรอให้เจ้าที่ฝ่ายทหาร เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง
เบื้องต้น ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นโดรนการเกษตร หรือ โดรนขนส่ง โดยโดรนมีความยาวของแขนใบพัดประมาณ 1 เมตร ส่วนที่มาที่ไปต้องรอให้เจ้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ สภ.สะเดา มาตามหาเจ้าของโดรนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดที่ฝังโดรนห่างจากด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ประมาณ 2.5 กิโลเมตร คาดว่าเป็นการซุกซนโดรนไว้เพื่อลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย หรือเป็นโดรนเพื่อการโจรกรรมอาจจะเกี่ยวโยงกับความมั่นคง
ต่อมา ช่วงเช้าวันนี้ ( 13 มิ.ย.2568) เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและฝ่ายความมั่นคง ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ของกองกำกับการ 9 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายท่านมุก ศูนย์พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ทหารจากศูนย์ฝึกยุทธวิธี อ.นาทวี มณฑลทหารบกที่ 42 ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ตำรวจภูธรสะเดา และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบโดรน ทั้ง 2 ลำ ที่ถูกฝังดินไว้
ซึ่งบริเวณหลุมพบ เสียมและฆ้อน ถุงมือ ซองบุหรี่ และขวดน้ำ ซึ่งคาดว่าเป็นของกลุ่มคนที่มาขุดหลุมฝังโดรนทั้ง 2 ลำ รวมทั้งพลั่วอีก 2 ด้าม ซึ่งพบอยู่ในจุดที่ห่างออกมาจากบริเวณหลุมประมาณ 15 เมตร ซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าใต้กอไม้เล็กๆ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำรถเจซีบี เข้าทำการเกลี่ยพื้นที่โดยรอบหลุม ก่อนขุดด้านข้างกล่อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าทำการเก็บรายละเอียด ต่างๆ ก่อนใช้รถเจซีบียกกล่องโดรนขึ้นมา
จากการตรวจสอบตัวเครื่องของโดรนทั้ง 2 ลำ ซึ่งมีลำใหญ่ 1 ลำ และลำเล็ก อีก1 ลำ พบว่าเลขหมายประจำตัวเครื่องถูกขูดออก โดยผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลว่า สมรรถนะของโดรนทั้ง 2 ลำ สามารถบินได้ 40-45 นาที ใช้ขนของหนักได้ราว 20-30 กิโลกรัม บินไกล 10-20 กิโลเมตร ความสูงในการบินประมาณ 800 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน และชุดอีโอดี ได้ทำการเก็บวัตถุพยานและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อไปตรวจหาดีเอ็นเอไว้เป็นพยานหลักฐานเป็นเบื้องต้น ก่อนนำโดรนทั้ง 2 ลำไปยัง สภ.สะเดา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานในส่วนของตัวเครื่องโดยละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ มีข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า พบเห็นโดรนบินไปมาระหว่างแนวพรมแดนไทยกับมาเลเซียมาสักพัก โดยมักจะบินในช่วงเช้ากับช่วงเย็น แต่ไม่ทราบว่าเป็นโดรนของใคร ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย กำลังเร่งหาเบาะแสของผู้ที่นำโดรนทั้ง 2 ลำมาฝังดินไว้ เพื่อเรียกตัวมาสอบสวนตามขั้นตอน
แต่ถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครสามารถให้รายละเอียดได้ว่า โดรนจะถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่ผิดกฎหมายค่อนข้างแน่นอน ทั้งนี้ จะสามารถสรุปได้เมื่อผลพิสูจน์จาก สพฐ. ออกมาเสียก่อน